วินเทอร์ อีเยนซี่ ชี้เทรนด์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งไทยปี 2558 เตรียมไต่ระดับสู่ “โซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce)” วัดความสำเร็จแบรนด์กันด้วยยอดขายบนโลกออนไลน์

ข่าวทั่วไป Sunday November 16, 2014 13:19 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--16 พ.ย.--Winter Egency เทรนด์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในประเทศปี 2558 เตรียมไต่ระดับความแรงสู่ “โซเชียลคอมเมิร์ซ (Social Commerce)” วัดความสำเร็จแบรนด์กันด้วยยอดขายบนโลกออนไลน์ วินเทอร์ อีเยนซี่ ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเอเจนซี่ชื่อดัง วางแผนชูจุดขายผสานโซเชียลมีเดียและอีคอมเมิร์ซรับ “กระแสโซเชียลคอมเมิร์ซ” ด้วยการออกแบบโซลูชั่นทางดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งแบบครบวงจร พร้อมยกระดับความสำเร็จสร้างดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งที่สร้างรายได้ให้ธุรกิจผ่านออนไลน์ได้จริง นายเอกชัย ปาริชาติกานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท วินเทอร์ อีเยนซี่ จำกัด (Winter Egency) หนึ่งในผู้ให้บริการดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งชั้นนำในประเทศไทย กล่าวถึงเทรนด์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในปี 2558 นี้ว่า จากเดิมเมื่อ 4-5 ปีที่แล้วคนทำออนไลน์จะพูดถึงการทำเว็บไซต์เป็นหลัก 2-3 ปีที่ผ่านมาทุกคนจะมุ่งหน้ามาที่ Facebook แต่ในปี 2558 นี้โซเชียลคอมเมิร์ซจะเป็นเทรนด์สำคัญที่จะส่งผลให้ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งขยายตัวได้อีกมาก โดยเป้าหมายของการทำการตลาดดิจิตอลจะเริ่มเปลี่ยนจากการใช้ออนไลน์เป็นเครื่องมือสร้างการรับรู้ในแบรนด์เป็นหลัก มาเป็นมุ่งเน้นเรื่องการใช้ออนไลน์มาร์เก็ตติ้งเพื่อผลักดันให้เกิดยอดขายบนออนไลน์ได้มากขึ้น ด้วยการประยุกต์ใช้เครื่องมือทางการตลาดบนโซเชียลมีเดียวิธีใหม่ๆ รองรับด้วยแพลตฟอร์มธุรกิจอีคอมเมิร์ซที่มีให้เลือกมากขึ้นอำนวยความสะดวกได้ดีขึ้นทั้งฝั่งผู้ซื้อสินค้าและผู้ขายสินค้า ในปีหน้านี้ ทิศทางของการตลาดดิจิตอลในประเทศไทยจะมีอัตราขยายตัวเพิ่มสูงมากเทียบจากปี 2557 ซึ่งเกิดการชะลอตัวของงบประมาณดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งจากผลกระทบทางการเมืองในช่วงแรกของปี “ทุกวันนี้ ผู้บริโภคเริ่มหันมาอยู่บนโลกดิจิตอลกันอย่างต่อเนื่อง ในประเทศมีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตรวมแล้วกว่า 30 ล้านคนจากจำนวนประชากรไทยทั้งหมด 67 ล้านคน ขณะที่งบประมาณดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในประเทศนั้นคิดเป็นสัดส่วนเพียงราว 5% ของงบการตลาดรวมทั้งหมดของสินค้าและบริการ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในปี 2558 สัดส่วนของงบการตลาดดิจิตอลจะเพิ่มสูงขึ้นอีกเป็น 10% จากงบการตลาดโดยรวมของสินค้าและบริการต่างๆ” นายเอกชัย กล่าวต่อว่า โซเชียลมีเดียจะกลายเป็นสิ่งที่ภาคธุรกิจหลีกเลี่ยงไม่ได้ การมีบทบาทในโลกออนไลน์บนเว็บไซต์ หรือโซเชียลมีเดียขององค์กรอย่างเดียวคงไม่เพียงพออีกต่อไป เพราะเว็บไซต์ทำหน้าที่เชิงรับได้ดีในฐานะแหล่งรวบรวมข้อมูลขององค์กร แต่การใช้โซเชียลมีเดียควบคู่ไปพร้อมกันเปรียบกลยุทธ์ดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งเชิงรุก เสมือนเป็นตัวแทนขาย (Sale representative) ขององค์กรบนโลกออนไลน์ อย่างไรก็ตาม แผนเชิงรุกบนโซเชียลมีเดียในแบบฉบับของวินเทอร์ฯนั้นต้องผ่านการนำเสนอในรูปแบบที่กลุ่มเป้าหมายชื่นชอบเท่านั้น เพราะในอีกมุมหนึ่ง social media เป็นพื้นที่ส่วนตัวของผู้บริโภค หากจะเข้าถึงผู้บริโภคออนไลน์ได้อย่างตรงใจก็ต้องมีการเรียนรู้พฤติกรรม เพื่อหาหนทางพูดคุยในลักษณะเดียวกันในจังหวะที่เหมาะสม จนในที่สุดจะทำให้ภาคธุรกิจสามารถขายสินค้าและบริการบนโลกออนไลน์ได้ นายเอกชัย กล่าวถึงแผนธุรกิจของบริษัทว่า ในปี 2558 เราจะยิ่งเน้นการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งลึกลงไปกว่าเดิม ด้วยการสร้างยอดขายจากช่องทางออนไลน์ต่างๆให้กับสินค้าและบริการ แทนที่จะเน้นสร้างให้เกิดการรับรู้ในแบรนด์ หรือ แค่สร้างกระแสเป็นไวรัลมาร์เก็ตติ้งเป็นหลัก แนวทางใหม่ในการทำดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งดังกล่าว คาดว่าจะทำให้การดำเนินธุรกิจของวินเทอร์ฯในปี 2558 ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องกว่า100% จากปี 2557 นี้ นอกเหนืองานดิจิตอลมาร์เก็ตติ้งในประเทศแล้ว วินเทอร์ อีเยนซี่ ยังได้ร่วมงานกับพันธมิตรในสิงคโปร์และมาเลเซีย เพื่อให้บริการ โซเชียลคอมเมิร์ช และมีโครงการจะขยายธุรกิจโดยตรงไปยังประเทศใกล้เคียงอย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ หรือเวียดนาม ภายใน 3 ปีข้างหน้า ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมที่เว็บไซต์ www.winter.co.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ