กรุงเทพฯ--17 พ.ย.--ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์
- กำไรสุทธิประจำไตรมาสสูงสุดที่ 1,922 ล้านบาท
- การจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพเป็นปัจจัยสำคัญต่อผลกำไรอันโดดเด่น
- กำไรสุทธิก่อนหักดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมเพิ่มขึ้น 34.2 เปอร์เซนต์ ในเก้าเดือนแรก
- กำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 1.67 บาท เพิ่มขึ้น 92 เปอร์เซนต์ ในไตรมาสสาม
?
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ รายงานผลประกอบการประจำไตรมาสที่สามของปีนี้ มีกำไรสุทธิ 1,922 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 91.4 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2556 ขณะที่กำไรสุทธิของเก้าเดือนแรกอยู่ที่ 4,393 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 115.6 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว โดยกำไรสุทธิสูงขึ้นเนื่องจากการขยายตัวของกำไรขั้นต้นเป็นผลมาจากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพสูง การไม่ต้องชำระดอกเบี้ยสะสมจากไตรมาสก่อนอันเป็นผลจากการแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นของทียูเอฟ รวมถึงการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกา
ยอดขายรวมของกลุ่มทียูเอฟใน 9 เดือนแรกอยู่ที่ 88,630 ล้านบาท เติบโต 8.1 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน อย่างไรก็ดี รายงานกำไรก่อนหักดอกเบี้ยภาษีเงินได้และค่าเสื่อมใน 9 เดือนแรกของปี 2557 นี้ เพิ่มขึ้น 56.5 เปอร์เซนต์ จาก 5,612 ล้านบาทไปที่ 8,709 ล้านบาท
ผลประกอบการอันโดดเด่นในไตรมาสที่สามของทียูเอฟ เป็นผลมาจากปัจจัยที่สำคัญหลายประการ ได้แก่ ผลการดำเนินงานอันยอดเยี่ยมของธุรกิจแบรนด์ของปลาทูน่า การบริหารจัดการต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และการไม่ต้องชำระดอกเบี้ยสะสมจากไตรมาสก่อนจากการแปลงสภาพหุ้นกู้เป็นหุ้นของทียูเอฟ ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
นอกจากนี้ปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องของธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐอเมริกาที่ส่งผลต่อผลประกอบการดังกล่าวให้แข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจกุ้งยังคงเติบโตสร้างกำไรได้ดีถึงแม้ต้องเผชิญปัญหากุ้งขาดแคลนในตลาดโลกเนื่องจากการระบาดโรคอีเอ็มเอส (EMS)
ขณะที่สัดส่วนรายได้ของกลุ่มธุรกิจทียูเอฟ ประจำไตรมาสที่สามโดยแบ่งตามตลาดมีดังนี้ สหรัฐอเมริกา มีสัดส่วน 43 เปอร์เซนต์ ยุโรป 31 เปอร์เซนต์ ญี่ปุ่น 7 เปอร์เซนต์ ตลาดในประเทศ 7 เปอร์เซนต์ และตลาดอื่นๆ ประกอบด้วยแอฟริกา ออสเตรเลีย เอเชียไม่รวมญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง แคนาดา และอเมริกาใต้ รวม 12 เปอร์เซนต์
ภาพรวมสัดส่วนรายได้ของ 6 กลุ่มธุรกิจแบ่งตามผลิตภัณฑ์หลักของทียูเอฟในช่วงเก้าเดือนแรกของปี ยังมีการเติบโตที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง โดยมีผลงานโดดเด่นในกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ และกลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจปลาทูน่ามีสัดส่วนรายได้เท่ากับ 47 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจกุ้งและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับกุ้ง 24 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง 7 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาซาร์ดีนและปลาแมคเคอเรล 5 เปอร์เซนต์ กลุ่มธุรกิจปลาแซลมอน 4 เปอร์เซนต์ และกลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มและผลิตภัณฑ์อื่นๆ 13 เปอร์เซนต์
นายธีรพงศ์ จันศิริ ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ทียูเอฟ ผู้นำและเชี่ยวชาญด้านอาหารทะเล และผู้ผลิตทูน่าบรรจุกระป๋องอันดับหนึ่งของโลก กล่าวว่า “เรามีความตื่นเต้นและยินดีมากที่สามารถสร้างกำไรประจำไตรมาสสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1,922 ล้านบาท เติบโตกว่า 91 เปอร์เซนต์เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เรายังคงเพิ่มศักยภาพในการจัดการการผลิต กลยุทธ์การสรรหาวัตถุดิบ รวมทั้งการรักษาระเบียบวินัยทางการเงินที่ช่วยส่งเสริมให้เกิดความยั่งยืนต่อธุรกิจของเรา การมุ่งเน้นต่อการเติบโตอันท้าทายและแนวทางการควบรวมกิจการของเราในปัจจุบัน ทำให้เราแน่ใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายยอดขายรวมที่ 8,000 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2563 ได้อย่างแน่นอน”
คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติการการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทฯ ทำให้มีจำนวนหุ้นเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อให้หุ้นทียูเอฟเข้าถึงนักลงทุนรายย่อยได้ทั่วถึง ซึ่งจะช่วยให้หุ้นมีสภาพคล่องที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนี้จะต้องได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายที่การประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ต่อไป