กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. เจ.เอส.พี. พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) ประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการเชิงพาณิชย์แนวราบ และที่อยู่อาศัยพร้อมซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai 19 พ.ย. นี้ เป็นหลักทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปีนี้ของ maiด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 10,920 ล้านบาท
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 19 พฤศจิกายน 2557 นี้ โดย JSP เป็นบริษัทดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์แนวราบเพื่อจำหน่ายและเพื่อใช้เช่าพื้นที่และที่อยู่อาศัยทั้งในรูปแบบของอาคารพาณิชย์ คอมมูนิตี้มอลล์ ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม โดยมีโครงการที่อยู่ระหว่างพัฒนา 3 โครงการ ได้แก่ โครงการสำเพ็ง 2 โครงการทิวลิป สแควร์ และโครงการไมอามี่ บางปู มูลค่ารวมประมาณ 15,000 ล้านบาท
JSP มีทุนชำระแล้ว 2,100 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 3,000 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 1,200 ล้านหุ้น โดยเสนอขายต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) 1,200 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 2.60 บาท เมื่อวันที่ 10-12พฤศจิกายน 2557 มีมูลค่าระดมทุนรวม 3,120 ล้านบาทมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 10,920 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายทนงศักดิ์ มโนธรรมรักษา ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. เจ.เอส.พี.พร็อพเพอร์ตี้ (JSP) เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนใน mai จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการเงินของบริษัทเพื่อรองรับแผนการขยายธุรกิจ โดยบริษัทจะนำเงินไปใช้ในการซื้อที่ดิน รองรับการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แถบชานเมืองและปริมณฑล พร้อมทั้งใช้สำหรับพัฒนาโครงการต่างๆ ในอนาคต เพื่อสร้างความเติบโตและสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงแก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทในระยะยาว
JSP มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลังการเสนอขาย IPO ได้แก่ กลุ่มตระกูลมโนธรรมรักษา ถือหุ้น 40.00% กลุ่มตระกูลสวาทยานนท์ ถือหุ้น 12.86% และUOB Kay Hian Private Limited ถือหุ้น 10.95% ทั้งนี้ การกำหนดราคา IPO ครั้งนี้พิจารณาจากอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E) ที่ 18.57 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2556 – 30 กันยายน 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.14 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะกิจการหลังหักภาษีและเงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองอื่น (ถ้ามี)
ในวันทำการแรกของเดือนมกราคม 2558 mai จะนำหลักทรัพย์จัดแยกเป็นกลุ่มอุตสาหกรรม (Industry group) 8 กลุ่ม ตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ซึ่ง JSP จะถูกจัดอยู่ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (PROPCON)
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.jsp.co.th และที่เว็บไซต์ www.mai.or.th
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. SET Call Center 0 2229 2222
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร อารดา กุลตวนิช 0 2229 2796/ อรสิริ บุญแต้ม 0 2229 2799/ กนกวรรณ เข็มมาลัย 0 2229 2048