กรุงเทพฯ--18 พ.ย.--เมคอะเว็ลท์ คอนซัลติ้ง
บมจ.ทรีนีตี้ วัฒนา ประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยปีหน้าแตะ 1,730 จุดบนพื้นฐานค่า forward PE ที่ 13.5 เท่า ทั้งนี้หากมีสภาพคล่องที่เกิดจาก 1. เม็ดเงินไหลจากตลาดพันธบัตรเข้าสู่หุ้น (เนื่องจากสหรัฐอเมริกาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย) 2. การอัดฉีดเม็ดเงินจากธนาคารกลางญี่ปุ่น 3. การเข้าซื้อหุ้นของ GPIF กองทุนบำนาญญี่ปุ่น ปัจจัยทั้ง 3 นี้อาจทำให้เป้าหมายของ SET Indexปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 1,800 จุดได้ คาดวอลุ่มเทรดคึกเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน ปักธงปีหน้ากินส่วนแบ่งธุรกิจหลักทรัพย์ 3% จากสร้างฐานลูกค้าใหม่ เตรียมปิดดีล IPO-PP กว่า 4 - 6 ราย พร้อมรุกธุรกิจกองทุนส่วนบุคคลเต็มสูบ มั่นใจผลการดำเนินงานสิ้นปี2557 เติบโตตามเป้าหมาย เผยงวดเก้าเดือน กำไรสุทธิ 120.05 ล้านบาท
ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการ บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) และกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด เปิดเผยถึงภาพรวมการลงทุนในตลาดหุ้นไทยปี 2558 ว่าคาดการณ์มูลค่าการซื้อขายในปีหน้าจะมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นเฉลี่ย 5 หมื่นล้านบาทต่อวัน โดยประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,730 – 1,800 จุด จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะปิดได้ที่ 1,600-1,650 จุด หลังจากบรรยากาศการลงทุนมีทิศทางที่ดีขึ้นในหลายด้าน
ทั้งนี้ ในปีหน้ากลุ่มบริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ มีแผนการปรับเพิ่มรายได้ในทุกธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายธุรกิจหลักทรัพย์จะมีจำนวนบัญชีเปิดใหม่เพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่าปีนี้ ซึ่งมีประมาณ 1,000 กว่าบัญชี และคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นแตะ 3% ในปี 2558 จากส่วนแบ่งการตลาดงวด 9 เดือนปี 2557 ที่ 2.91%
สำหรับธุรกิจวาณิชธนกิจ ในปีหน้า จะมีการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุน (IPO) และหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ (PP) รวมถึงงานที่ปรึกษาด้านการปรับโครงสร้างทางการเงินตั้งเป้าไว้จะเพิ่มขึ้นอีก 4 - 6 ราย ทั้งในตลาด SET และตลาด MAI โดยจะครอบคลุมหมวดอุตสาหกรรม ได้แก่ พลังงาน, เช่าซื้อ, ก่อสร้าง, อสังหาริมทรัพย์, ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านและสำนักงาน ธุรกิจการเงิน และบริการ
ส่วนธุรกิจด้านการจัดการกองทุนส่วนบุคคล (Wealth Management) มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทุกปี อันเป็นผลมาจากการสร้างผลตอบแทนที่น่าพอใจให้แก่ลูกค้า โดยปัจจุบันมีมูลค่าทรัพย์สินภายใต้การบริหารรวม 2,590 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 1,815 ล้านบาท ประมาณ ร้อยละ 42
ส่วนงานด้านวิเคราะห์หลักทรัพย์ เน้นกลยุทธ์การให้ความรู้ด้านการลงทุนแบบแบบรายเดือน (Market Theme) ในรูปแบบของบทวิเคราะห์ The Big Picture โดยพร้อมตั้งเป้าที่จะสร้างผลตอบแทนให้แก่นักลงทุนสูงกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ อย่างน้อย 20% ต่อปี
สำหรับไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557 บริษัทมีกำไรหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล 62.31 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันในปี 2556 ซึ่งมีกำไรหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล 66.51 ล้านบาท ขณะที่งวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2557บริษัทมีกำไรสุทธิ 120.05 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 130.75 ล้านบาท เป็นผลมาจากปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ ที่ลดลงอย่างมีนัยในช่วงต้นปี 2557