กรุงเทพฯ--19 พ.ย.--Worklink da Agency
นายอาทิตย์ ทีปกรสุขเกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี จำกัด (มหาชน) (CCP) หนึ่งในผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายคอนกรีตครบวงจร เปิดเผยว่า การเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจกต์ภาครัฐที่เริ่มทยอยอนุมัติออกมาในช่วงปลายปีนี้ ถือเป็นสัญญาณบวกที่ดี และหากทิศทางการดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้หลายภาคธุรกิจ อาทิ อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก ท่องเที่ยวโรงแรม ฯลฯ เริ่มกลับมาลงทุนในโครงการใหม่กันมากขึ้น หลังจากที่ผ่านมามีการชะลอการลงทุนในโครงการใหม่ทุกรูปแบบมาอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้คาดว่าการฟื้นตัวดังกล่าวจะส่งผลดีอย่างเห็นได้ชัดในช่วงปลายไตรมาสแรกของปี 58 ถือเป็นปัจจัยบวกต่อกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้างและวัสดุก่อสร้างโดยตรง เนื่องจากความต้องการในตลาดจะเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของคอนกรีตที่จะต้องนำมาใช้ตั้งแต่การเริ่มต้นงานโครงสร้าง งานระบายน้ำต่อเนื่องไปถึงส่วนอื่นๆจนโครงการเสร็จสมบูรณ์
“ปัจจุบัน CCP ได้พัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพเครื่องจักรสายการผลิต ตั้งแต่ต้นปี 2557 เป็นต้นมา มีความพร้อมในการรับงานคอนกรีตหลากหลายรูปแบบอยู่แล้ว และปีนี้บริษัทสามารถสร้างการเติบโตได้ตามเป้าหมายแม้จะไม่มีงานโครงการขนาดใหญ่ ดังนั้นการที่ภาครัฐเริ่มกลับมาดำเนินโครงการอย่างต่อเนื่อง เอกชนเริ่มกลับมาลงทุน จะยิ่งส่งผลดีกับบริษัท เพราะมีโอกาสในการเข้ารับงานโครงการใหม่ๆมากขึ้น ซึ่งจะผลักดันให้ Backlog มีโอกาสในการเติบโตมากกว่าเดิม”นายอาทิตย์ กล่าว
นายรังสี ทีปกรสุขเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท สมาร์ทคอนกรีต จำกัด (มหาชน) (SMART) ผู้ผลิตและจำหน่ายอิฐมวลเบาด้วยระบบอบไอน้ำภายใต้ความดันสูงเพื่อใช้ในงานก่อสร้าง งานกั้นผนังภายในอาคาร เปิดเผยว่า การลงทุนในภาครัฐเมื่อผลักดันออกมาย่อมส่งผลต่อการฟื้นตัวของการลงทุนของภาคธุรกิจที่อยู่อาศัย ท่องเที่ยว ค้าปลีก ฯลฯที่จะเกิดขึ้น ถือเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจของบริษัทเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะเป็นปัจจัยผลักดันให้ความต้องการในตลาดอิฐมวลเบาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งบริษัทได้มีแผนรองรับทั้งในส่วนของการขยายกำลังการผลิต และการจัดการด้านขนส่งเพื่อให้สามารถกระจายสินค้าครอบคลุมพื้นที่ภาคต่างๆที่นอกเหนือจากภาคตะวันออกไว้แล้ว