กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
กลุ่มมิตรผล ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหอการค้าเยอรมัน-ไทย จัดโครงการความร่วมมือในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนแบบทวิภาคี สำหรับนักศึกษาอาชีวะในพื้นที่โรงงานน้ำตาลมิตรผล โดยใช้รูปแบบทวิภาคีของประเทศเยอรมนี ที่มีการบูรณาการความรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ เพื่อผลิตบุคลากรสายอาชีพที่มีความรู้และทักษะในอุตสาหกรรมน้ำตาลและชีวพลังงาน รวมทั้งเสริมความแข็งแกร่งของกลุ่มมิตรผลในการก้าวไปสู่การบริหารจัดการไร่ยุคใหม่ และการผลิตที่มีมาตรฐานระดับโลก
นายกฤษฎา มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มมิตรผล กล่าวว่า "ปัจจุบันความต้องการบุคลากรในระดับช่างฝีมือ ช่างเทคนิค ในอุตสาหกรรมน้ำตาลและชีวพลังงานได้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนไปสู่รูปแบบการบริหารจัดการไร่อ้อยสมัยใหม่ และมีการใช้เทคโนโลยีการผลิตที่มีมาตรฐานระดับโลก ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ การจัดการไร่อ้อยแบบมิตรผลโมเดิร์นฟาร์ม และการเปิดตัวสายการผลิตน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์คุณภาพสูงของกลุ่มมิตรผล ซึ่งจำเป็นต้องใช้บุคลากรสายอาชีพด้านเทคนิค และด้านเกษตรที่มีความเข้าใจในอุตสาหกรรม และมีความเชี่ยวชาญในการควบคุมและดูแลเครื่องจักรที่มีเทคโนโลยีที่ทันสมัย อย่างไรก็ตาม ปัญหาที่พบในปัจจุบันคือแรงงานสายอาชีพมีแนวโน้มที่จะขาดแคลน เนื่องจากเยาวชนไทยมีค่านิยมในการศึกษาต่อสายสามัญมากขึ้น ทำให้จำนวนผู้ศึกษาต่อในระดับอาชีวะไม่เพียงพอต่อความต้องการของสถานประกอบการ"
"กลุ่มมิตรผล จึงได้ริเริ่มโครงการความร่วมมือกับ สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหอการค้าเยอรมัน-ไทย ในการพัฒนาหลักสูตรทวิภาคีสำหรับสถาบันอาชีวศึกษา โดยใช้รูปแบบของประเทศเยอรมนี ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วว่าได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดีในเยอรมนี และก่อให้เกิดประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ทั้งตัวนักศึกษาที่จะได้รับความรู้และทักษะที่ใช้ ในการทำงานได้จริง และผู้ประกอบการในภาคธุรกิจซึ่งจะได้บุคลากรที่มีความรู้และความเชี่ยวชาญตรงกับความต้องการในสายงาน"
ทั้งนี้ หลักสูตรทวิภาคีในโครงการนี้ เป็นโปรแกรมสำหรับนักศึกษาอาชีวะในระดับประกาศนียบัตรขั้นสูง หรือ ปวส. ซึ่งใช้ระยะเวลาศึกษาทั้งสิ้น 2 ปี โดยจะมีเนื้อหาและการเรียนการสอนที่สอดคล้องกับเส้นทางอาชีพในกลุ่มมิตรผล ทั้งในภาคทฤษฎี และการฝึกปฏิบัติจริงในโรงงาน นักศึกษาที่เข้าร่วมโครงการจะได้เรียนรู้ธุรกิจและอุตสาหกรรมของกลุ่มมิตรผล รวมทั้งได้เห็นกระบวนการผลิต และการบริหารจัดการด้านต่างๆ อย่างครบถ้วน ตลอดจนได้รับความรู้และคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ และผู้บริหารในสายธุรกิจ อีกทั้งยังได้รับรับเบี้ยเลี้ยง สวัสดิการ และทุนการศึกษาในระหว่างการฝึกงาน นอกจากนี้เมื่อสำเร็จการศึกษาแล้วจะได้รับทั้งประกาศนียบัตรวิชาชีพขั้นสูง และวุฒิบัตรสำหรับผู้ผ่านการประเมินมาตรฐานวิชาชีพ รวมทั้งวุฒิบัตรจากกลุ่มมิตรผล และหอการค้าเยอรมัน-ไทย รวมถึงมีโอกาสบรรจุเข้าทำงานในกลุ่มมิตรผล โดยจะได้รับค่าตอบแทน และสวัสดิการที่จูงใจ เทียบได้กับผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รวมทั้งมีโอกาสก้าวหน้าในสายอาชีพภายในกลุ่มมิตรผลอีกด้วย
โครงการนี้ยังก่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างสถาบันอาชีวศึกษาและภาคธุรกิจ ซึ่งจะช่วยให้สถาบันสามารถผลิตนักศึกษาที่มีความรู้และทักษะตรงกับความต้องการของตลาดแรงงานได้ กลุ่มมิตรผลยังดำเนินการจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับธุรกิจและอุตสาหกรรมน้ำตาลและชีวพลังงานแก่ครูผู้สอน รวมทั้งมีการศึกษาดูงานเครื่องจักรและเทคโนโลยีที่ทันสมัย เพื่อให้ครูผู้สอนสามารถนำความรู้ดังกล่าวไปถ่ายทอดให้กับนักศึกษา โดยในเบื้องต้นโครงการนี้จะนำร่องในสถาบันอาชีวศึกษา ได้แก่ วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี สิงห์บุรี และขอนแก่น และวิทยาลัยอาชีวเกษตรสุพรรณบุรี สิงห์บุรี และขอนแก่น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีโรงงานน้ำตาลมิตรผลตั้งอยู่
"โครงการนี้ถือเป็นความสำเร็จในการประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะไม่เพียงส่งผลดีต่อกลุ่มมิตรผล ในการได้รับบุคลากรที่มีความรู้และทักษะตรงกับความต้องการเท่านั้น แต่ยังเป็นแรงจูงใจให้เยาวชนหันมาศึกษาต่อในสายอาชีวะที่กำลังขาดแคลน เนื่องจากได้เห็นประโยชน์ของหลักสูตรที่นำไปใช้ได้จริง และเส้นทางอาชีพที่มีความชัดเจน เราหวังว่าโครงการนี้เป็นต้นแบบให้อุตสาหกรรมอื่นๆ นำไปประยุกต์ใช้ ซึ่งจะช่วยสร้างสรรค์ประโยชน์ให้กับเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของชาติโดยรวม เพราะแรงงานสายอาชีพถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมต่างๆ ให้พัฒนาและเดินหน้าต่อไปได้อย่างไม่หยุดยั้ง" นายกฤษฎา กล่าวทิ้งท้าย