กรุงเทพฯ--21 พ.ย.--เอสเอ็มอีแบงก์
เอสเอ็มอีแบงก์ ร่วมมือ กรมบังคับคดี ครั้งแรก ไกล่เกลี่ยลูกหนี้รายย่อยตามคำพิพากษาในชั้นบังคับคดี วงเงินไม่เกิน 20 ล้านบาท ทั้งที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน วงเงินรวม 7,837.92 ล้านบาท จำนวน 11,064 ราย ให้สามารถเดินหน้าธุรกิจต่อไปได้ และช่วยลด NPLs ธนาคาร
ได้มีพิธีลงนามบันทึกความร่วมมือโครงการไกล่เกลี่ยลูกหนี้ตามคำพิพากษาในชั้นบังคับคดี ระหว่างธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์) กับกรมบังคับคดี โดยมีนางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ เป็นประธานสักขีพยาน และมีผู้ร่วมลงนาม นางสาวปาริฉัตร เหล่าธีระศิริวงศ์ รักษาการกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ และนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี ทั้งนี้ ความร่วมมือดังกล่าวเป็นการบูรณาการการทำงานร่วมกัน เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้เจรจากัน โดยเป็นกลุ่มลูกหนี้ของธนาคารที่เป็น NPLs เงินต้นไม่เกิน 20 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีหลักประกัน และมีหลักประกัน
นางสาลินี วังตาล ประธานกรรมการเอสเอ็มอีแบงก์ กล่าวว่า ลูกหนี้ที่มีเงินต้นไม่เกิน 20 ล้านบาท ที่มีสถานะทางคดีอยู่ในขั้นตอนที่ศาลพิพากษาแล้วจนถึงกระบวนการเตรียมบังคับคดีดังกล่าวของธนาคารนั้น มีจำนวน 11,064 ราย คิดเป็นเงินต้นรวม 7,837.92 ล้านบาท โดยแยกเป็นหนี้ที่ไม่มีหลักประกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรายย่อยจำนวน 10,409 ราย เงินต้น 4,069.65 ล้านบาท และหนี้ที่มีหลักประกัน จำนวน 655 ราย เงินต้น 3,768.27 ล้านบาท ทั้งนี้ ธนาคารจะประสานงานกับกรมบังคับคดีเพื่อนัดเจรจาไกล่เกลี่ยกับลูกหนี้แบ่งตามภูมิภาคต่างๆ ซึ่งขั้นต้นน่าจะเริ่มที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลภายในปีนี้ และขยายไปยังภูมิภาคต่างๆ ในปีหน้าต่อไป
เมื่อกรมบังคับคดีเข้ามาเป็นตัวกลางช่วยไกล่เกลี่ยน่าจะทำให้ลูกหนี้มีความสบายใจมากขึ้น จะช่วย ให้ธนาคารและลูกหนี้มีโอกาสเจรจากัน ซึ่งหากสามารถปรับโครงสร้างหนี้ได้ ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ธนาคารจะไม่ต้องยึดทรัพย์ลูกหนี้ เป็นการให้โอกาสลูกหนี้สามารถกลับไปดำเนินธุรกิจต่อไปได้ในส่วนของธนาคารก็เป็นการลด NPLs และทรัพย์สินรอการขายของธนาคาร อ
นางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล อธิบดีกรมบังคับคดี กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ เป็นการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ให้เข้มแข็ง ประกอบกับตามนโยบายสำคัญเร่งด่วน 5 ด้านของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ด้านอำนวยความยุติธรรมเพื่อลดความเหลื่อมล้ำของประชาชน ซึ่งกรมบังคับคดีที่มีภารกิจหลักในด้านการบังคับคดีตามคำพิพากษา หรือคำสั่ง และการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทที่เป็นอีกภารกิจหนึ่งของกรมบังคับคดี เนื่องจากเป็นกระบวนการยุติธรรมทางเลือกเพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหนี้และลูกหนี้ตามคำพิพากษาได้เจรจากัน และกรณีของเอสเอ็มอีแบงก์มีลูกหนี้กลุ่มวิสาหกิจดังกล่าวจำนวนมากที่ต้องการความช่วยเหลือเพื่อให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไป เป็นการลดความสูญเสียของประเทศในภาพรวม