กรุงเทพฯ--24 พ.ย.--กองเกษตรสารนิเทศ กระทรวงเกษตรและสกรณ์
กระทรวงเกษตรฯ ปลุกกระแสคนไทยตื่นตัวร่วมประหยัดน้ำ หลังประเมินสถานการณ์น้ำแล้งปีหน้าเข้าขั้นวิกฤต ดีเดย์จัดงานเฉลิมพระเกียรติฯ “ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ปวงประชาถวายพ่อของแผ่นดิน” ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-6 ธ.ค. 57 เพื่อเผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับการใช้น้ำ และนำร่องลดการใช้น้ำภาคเกษตร
กระทรวงเกษตรฯ กำหนดจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 87 พรรษา 5 ธันวาคม 2557 และผยแพร่พระเกียรติคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับการใช้น้ำให้ประชาชนได้รับทราบถึงผลสำเร็จของการดำเนินงานตามแนวพระราชดำริ และพระราชกรณียกิจด้านการแสวงหาแหล่งน้ำและการบริหารจัดการน้ำ ทั้งแหล่งน้ำบนดิน แหล่งน้ำใต้ดิน และการทำฝนหลวง การส่งเสริม เผยแพร่ และถ่ายทอดเทคโนโลยีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสำหรับระบบการผลิตพืช-สัตว์ และอุตสาหกรรมเกษตรที่เกี่ยวเนื่อง โดยทุกหน่วยงานในสังกัดได้ร่วมจัดงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภายใต้แนวคิด “ใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า ปวงประชาถวายพ่อของแผ่นดิน” ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-6 ธ.ค. 57 ณ บริเวณด้านหน้ากระทรวงเกษตรฯ และท้องสนามหลวง ซึ่งจะนำเสนอนิทรรศการมีชีวิตในด้านดินและน้ำ รวมถึงการจัดแสดงและจำหน่ายสินค้าที่เป็นผลผลิตจากโครงการพระราชดำริต่างๆ
นายปีติพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า นอกจากการจัดงานในช่วงวันเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวา แล้ว ทุกหน่วยงานในกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะหมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพในการนำเสนอหรือเผยแพร่พระอัจฉริยภาพของพระองค์ในทุกๆ มิติ และนำเสนอให้ประชาชนเห็นเป็นรูปธรรมได้ว่าจะประหยัดน้ำซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญได้อย่างไร ตลอดทั้งปี 2558 เพื่อเป็นกระตุ้นเตือนให้ทุกภาคส่วนเห็นความสำคัญต่อสถานการณ์ความเสี่ยงการขาดแคลนน้ำในปัจจุบัน และรณณรงค์ให้ทุกคนตระหนักถึงการใช้น้ำอย่างรู้คุณค่า และความยากลำบากในการได้มาของน้ำของแต่ละหยด เพื่อให้เกิดการสร้างความร่วมมือฃของคนในชาติให้เห็นถึงแนวทางการใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างรู้คุณค่า และมีประสิทธิภาพสูงสุด และการปลูกฝังแนวคิดด้านการอนุรักษ์น้ำและการใช้ประโยชน์จากน้ำอย่างรู้คุณค่าให้กับเยาวชน เพื่อเป็นรากฐานในการพัฒนาชาติอย่างยั่งยืน
โดยกิจกรรมที่เป็นไฮไลต์ที่กระทรวงเกษตรฯ จะดำเนินการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ตลอดทั้งปี 2558 อาทิ การใช้น้ำในการทำฟาร์มเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำระบบหมุนเวียนน้ำ และบำบัดคุณภาพน้ำตามธรรมชาติ โดยไม่มีการระบายน้ำที่ผ่านการเลี้ยง และสารอินทรีย์ลงสู่สิ่งแวดล้อม การส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์น้ำที่ใช้น้ำน้อย อาทิ การเลี้ยงปลาดุก การเลี้ยงกบ การทำระบบ Zero Waste ในฟาร์มปศุสัตว์ โดยบำบัดน้ำเสียจากฟาร์มปศุสัตว์และนำน้ำกลับมาใช้ประโยชน์ เช่น ผลิตกระแสไฟฟ้า เป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม หรือนำน้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียแล้วกลับไปใช้ในฟาร์มใหม่ การแปรรูปจากน้ำสาวไหม เช่น สบู่โปรตีนไหม ผ้าปิดแผล เครื่องสำอาง เป็นต้น การปลูกพืชใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวโดยเฉพาะพื้นที่การปลูกข้าวในภาคกลาง
ด้านศูนย์ประมวลวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ กรมชลประทาน ระบุ ขณะนี้ในหลายพื้นที่ของประเทศไทย เริ่มเข้าสู่ฤดูแล้งแล้ว ปริมาณน้ำในเขื่อนหลายแห่งยังอยู่ในเกณฑ์น้อย เตือนทุกภาคส่วนใช้น้ำอย่างประหยัด ทั้งนี้จากการติดตามสภาพฝนตั้งแต่ในช่วงต้นฤดูฝนปี 2557 เป็นต้นมา พบว่าทั่วทุกภาคของประเทศไทย มีปริมาณฝนตกน้อยกว่าค่าเฉลี่ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมถึงภาคตะวันตก ส่งผลให้ปริมาณน้ำต้นทุนที่จะนำมาใช้ในช่วงฤดูแล้งนี้ อยู่ในเกณฑ์น้อย นอกจากนี้ ยังมีอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำอยู่ในเกณฑ์น้อย ที่คณะกรรมการจัดการชลประทาน(JMC) ได้มีการประชุมและมีมติเห็นชอบให้งดทำนาปรังในพื้นที่ของแต่ละโครงการฯ ดังนี้ ภาคเหนือ ในพื้นที่เขื่อนแม่กวงอุดมธารา จ.เชียงใหม่ ภาคกลาง ในพื้นที่ของเขื่อนทับเสลา จ.อุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบไปด้วย พื้นที่ท้ายเขื่อนห้วยหลวง จ.อุดรธานี เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น และเขื่อนลำตะคอง เขื่อนมูลบน เขื่อนลำแซะ จ.นครราชสีมา