กรุงเทพฯ--26 พ.ย.--พลัส พร็อพเพอร์ตี้
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดผลวิจัยเจาะลึกพื้นที่อยู่อาศัยกรุงเทพชั้นใน พบขุมทรัพย์อสังหาฯ ย่านทองหล่อ ดีมานด์คอนโดมิเนียมสูงตลอดกาล เหตุพื้นที่จำกัด แต่ทำเลหล่อสมชื่อ มีศักยภาพด้านคมนาคม และเป็นศูนย์รวมไลฟ์สไตล์ของคนกรุง ส่งผลให้ตลาดคอนโดฯ มีอัตราตอบรับอยู่ที่ 70-100% ราคาซื้อขายคอนโดปรับตัวเพิ่มขึ้น 27% จาก 5 ปีก่อน ส่วนอพาร์ตเมนต์คึกคักไม่แพ้กัน ราคาที่ดิน 2-3 ปี พุ่ง 22% แตะที่ 1.3 ล้านบาทต่อตารางวา
นายภูมิภักดิ์ จุลมณีโชติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (Mr. Poomipak Julmanichoti, Managing Director, Plus Property Company Limited) ผู้เชี่ยวชาญด้านบริหารและจัดการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทได้ทำการศึกษาถึงพื้นที่ศักยภาพของกรุงเทพมหานครแบบลงลึกแต่ละพื้นที่ พบว่า “พื้นที่ทองหล่อ” หรือ สุขุมวิท 55 เป็นทำเลทองของธุรกิจภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเติบโตและขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นแหล่งธุรกิจ และความบันเทิงที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อเริ่มดำเนินการ ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นทำเลดี สามารถเชื่อมต่อการคมนาคมได้อย่างกว้างขวาง เดินทางไปยังซอยข้างเคียงทั้งสุขุมวิท 49, 51 ,53 และ 63 (เอกมัย) และยังเชื่อมต่อไปเส้นเพชรบุรีตัดใหม่ได้อีกด้วย
แม้พื้นที่ทองหล่อจะเป็นเพียงซอยเล็กๆ ที่มีเส้นทางของซอยเพียงระยะ 2-3 กิโลเมตร แต่ราคาที่ดินในบริเวณเส้นสุขุมวิท-ทองหล่อ-เอกมัย จะเห็นได้ชัดว่าเพียงแค่ 2-3 ปี ที่ดินละแวกนี้ราคาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดเติบโตไปถึง 22% จากปี 2555 อยู่ที่ 900,000 บาทต่อตารางวา และหากพิจารณาเฉ พาะเส้นทองหล่อ ล่าสุดราคาที่ปิดดีลในทำเลต้นถึงกลางซอยสูงถึง 1.2-1.3 ล้ านบาทต่อตารางวา
เพราะแวดล้อมไปด้วยร้านอาหารหลากหลายสัญชาติ รวมถึงคอมมูนิตี้มอลล์ที่ดึงดูดเหล่าขาช้อป กิน เที่ยว ไว้ในพื้นที่ และที่สำคัญเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เริ่มมาตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นี้ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ตลอดจนเดินทางมาทำงานในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่พักอาศัยในย่านสุขุมวิทและทองหล่อ ส่งผลให้พื้นที่นี้สามารถเติบโตได้ดีจากตลาดผู้เช่าเพื่อการอยู่อาศัย และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความแตกต่าง ทำให้คอมมูนิตี้มอลล์ในย่านนี้มีการขยายตัวอย่างคึกคัด เช่น เจ-อเวนิว มาร์เก็ตเพลส เมสทองหล่อ เอททองหล่อ อารีน่าเท็น ฟังค์กี้วิลล่า และเพนนีบัลโคนี เป็นต้น
“พื้นที่ทองหล่อจึงเป็นทำเลทองของอสังหาฯ โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมช่วงใจกลางซอย (ไม่เกินซอยทองหล่อ 15 ลงมา) ถือเป็นไพร์มแอเรีย ทำให้ราคาคอนโดบริเวณนี้เติบโตอย่างก้าวกระโดดกว่าซอยอื่น และยังได้รับความสนใจมากกว่าโครงการต้นซอยที่ใกล้รถไฟฟ้า ส่งผลให้การซื้อ-ขายคอนโดมิเนียมในบางโครงการช่วงก่อนหน้าย่านกลางซอยทองหล่อเคยตั้งราคาซื้อ-ขายสูงสุดขึ้นไปถึง 177,000 บาทต่อตารางเมตร และยังสามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการในปี 2555
นอกจากนี้ทองหล่อยังเป็นทำเลทองของตลาดที่อยู่อาศัยเพื่อปล่อยเช่าที่มีความต้องการสูงต่อเนื่อง โดยความต้องการในตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ และอพาร์ตเมนต์ มีประมาณ 2,429 ยูนิต ได้รับการตอบรับสูงอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ย 96% ต่อปี ปัจจุบันราคาปล่อยเช่าห้องพักอยู่ที่ 800 -1,000 บาทต่อตารางเมตร จึงทำให้สร้างแรงจูงใจให้กับกลุ่มดีมานด์ที่ต้องการซื้ออสังหาฯ เพื่อการลงทุนปล่อยเช่า และจากความต้องการที่อยู่อาศัยในย่านทองหล่อที่มีในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง จึงเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลให้ราคาขายอสังหาริมทรัพย์ประเภทคอนโดมิเนียมเติบโตมาเป็นระยะ ปัจจุบันราคาขายเฉลี่ยบริเวณซอยทองหล่อและซอยข้างเคียงอยู่ที่ประมาณ 131,641 บาทต่อตารางเมตร เทียบกับ 5 ปีที่แล้วเติบโตขึ้น 27% ซึ่งหากโฟกัสเฉพาะกลางซอยทองหล่อที่ติดถนนทองหล่อจริงๆ ราคาขายเฉลี่ยปรับตัวไปอยู่ที่เกือบ 190,000 บาทต่อตารางเมตร หากในอนาคตมีโครงการใหม่ในทำเลนี้คาดว่าราคาเสนอขายไม่น่าจะต่ำกว่า 200,000 บาทต่อตารางเมตร และหากพิจารณาราคาคอนโดมิเนียมรีเซลย่านทองหล่อจะอยู่ที่ระดับ 159,701 บาทต่อตารางเมตร และยังมีอยู่ดีมานด์รองรับได้ดี โดยเฉพาะย่านกลางซอยที่ถือเป็นทำเลที่ดีที่สุดส่งผลให้ราคาขายรีเซลโครงการระดับไฮเอนด์ปรับตัวขึ้นไปเกิน 200,000 บาทต่อตารางเมตร
ปัจจุบันอุปทานคอนโดมิเนียมใหม่ เพื่อขายในพื้นที่นี้ไม่สามารถขยายตัวได้ทันความต้องการ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านราคาที่ดินที่แพงขึ้น ส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจต่างๆ เหลือพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่ลดลง ส่งผลให้ผู้ประกอบการหลายรายต้องลงทุนก่อสร้างโครงการใหม่ในพื้นที่ข้างเคียง แต่ยังเน้นจุดขายด้วยระยะทางที่ใกล้ซอยทองหล่อเป็นหลัก ซึ่งยังมีกำลังซื้อที่สูง โดยมีอัตราตอบรับเฉลี่ยในตลาดคอนโดมิเนียม บริเวณทองหล่อและซอยข้างเคียงประมาณ 70-100% จากปัจจัยดังกล่าว รวมถึงการขยายตัวของดีมานด์ในพื้นที่นี้ยังมีอยู่สูงทั้งกลุ่มที่เพื่ออยู่อาศัยเองและปล่อยเช่าให้ชาวต่างชาติ การลงทุนพัฒนาคอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ในพื้นที่ และการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเทาที่จะตัดเข้ามาย่านทองหล่อ เราคาดว่าจะเพิ่มแรงกระตุ้นให้เกิดอุปสงค์ใหม่ในพื้นที่ได้เป็นอย่างมาก” นายภูมิภักดิ์ กล่าว