กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--ธนาคารกรุงเทพ
ธนาคารกรุงเทพ ตอกย้ำความแข็งแกร่งของ 28 เครือข่ายสาขาต่างประเทศ โดยเฉพาะธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ที่พร้อมสนับสนุนลูกค้า และนักลงทุนที่สนใจเข้าไปทำธุรกิจด้วยเล็งเห็นโอกาสจากการจัดตั้งเขตการค้าเสรีในเมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Free Trade Zone) ของทางการจีน เตรียมนำนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของธนาคารกว่า 60 รายจากประเทศต่างๆ ในอาเซียนร่วมกิจกรรม ‘Bangkok Bank Brings ASEAN to Shanghai’ รับฟังมาตรการต่างๆ ของทางการจีน และพบปะนักธุรกิจท้องถิ่นเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างกัน ระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2557 ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยล่าสุดธนาคารได้รับใบอนุญาตจากทางการจีนพร้อมเปิดสาขาแห่งที่ 6 ในไตรมาสแรกของปี 2558
นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ด้วยผลสืบเนื่องจากทางรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนได้ประกาศให้มีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีในเมืองเซี่ยงไฮ้ (Shanghai Free Trade Zone) อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2556 ซึ่งจะเป็นแนวทางในการปฏิรูปเศรษฐกิจของสาธารณรัฐประชาชนจีนในอนาคตโดยใช้ Shanghai FTZ เป็นต้นแบบนับตั้งแต่การแปรรูปการทำงานของรัฐบาล การจัดการบริหาร การลงทุนข้ามเขตแดน (Cross-Border Investment) การผ่อนคลาย Foreign Exchange Control และภาคธุรกิจการเงิน รวมถึงการที่ China Banking Regulatory Commission หรือ CBRC ได้ออกประกาศว่าด้วยเรื่อง Banking Supervision in China (Shanghai) Pilot Free Trade Zone ซึ่งประกอบด้วยมาตรการเพื่อการสนับสนุนสถาบันการเงินในเขต Shanghai FTZ
ธนาคารกรุงเทพได้จัดกิจกรรม ‘Bangkok Bank Brings ASIAN to Shanghai ระหว่างวันที่ 27-29 พฤศจิกายน 2557 ณ มหานครเซี่ยงไฮ้ ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน โดยนำนักลงทุนที่เป็นลูกค้าของธนาคารกว่า 60 รายจากประเทศต่างๆ ในอาเซียน ประกอบด้วย สปป.ลาว เวียดนาม เมียนมาร์ และไทย ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าขนาดกลาง ถึงขนาดค่อนข้างใหญ่ที่เป็นผู้ผลิตวัตถุดิบให้กับบริษัทใหญ่หรือบริษัทข้ามชาติ ผู้ผลิตเพื่อการส่งออก ในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิเช่น การค้า การขนส่ง ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิคส์ ปิโตรเคมี พลาสติก เกษตร ที่ล้วนมีศักยภาพและความสนใจเข้าไปดำเนินธุรกิจในประเทศจีนได้พบปะนักธุรกิจท้องถิ่นเพื่อเชื่อมโยงเครือข่ายทางธุรกิจระหว่างกัน การเยี่ยมชมและศึกษาดูงานเขต Shanghai FTZ อีกทั้งการฟังปาฐกถาและการบรรยายพิเศษจากวิทยากรผู้ทรงคุณวุฒิชาวจีนที่มากด้วยประสบการณ์ในเรื่อง FTZ เพื่อสร้างการรับรู้ถึงโอกาสจากมาตรการสนับสนุนของทางการจีน และการเชื่อมโยงลูกค้านักลงทุนของเครือข่ายสาขาต่างประเทศที่แข็งแกร่งของธนาคารกรุงเทพทั้ง 28 แห่ง ใน 13 เขตเศรษฐกิจสำคัญทั่วโลก
นายชาติศิริ กล่าวเพิ่มเติมว่า ด้วยประสบการณ์อันยาวนานโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียและประเทศจีน โดยธนาคารได้เปิดสาขาต่างประเทศแห่งแรกในฮ่องกงเมื่อปี 2497 หรือเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และได้เข้าไปบุกเบิกธุรกิจในประเทศจีน ด้วยความชำนาญและรอบรู้เกี่ยวกับสภาวะตลาดและการทำธุรกิจในประเทศจีน รวมทั้งกฎข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งยังมีความสัมพันธ์อันดีกับหน่วยงานราชการท้องถิ่น และมีฐานลูกค้าที่มั่นคง พร้อมที่จะเป็นที่ปรึกษาและให้บริการทางการเงินครบวงจรแก่ลูกค้าทั้งชาวไทย และประเทศอื่นๆที่สนใจขยายธุรกิจในประเทศจีน โดยปัจจุบันธนาคารกรุงเทพ ประเทศจีน มีนายสุวัชชัย ทรงวานิช เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร จำนวนสาขารวมทั้งหมด 5 แห่ง คือ สาขาเซี่ยงไฮ้ สาขาปักกิ่ง สาขาเซี่ยะเหมิน สาขาเสิ่นเจิ้น และสาขาฉงชิ่ง
โดยขณะนี้ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ได้รับอนุญาตจากทางการจีนในการเปิดสาขาแห่งที่ 6 ในเขตการค้าเสรีเมืองเซี่ยงไฮ้ โดยธนาคารกำหนดแผนที่จะเปิดดำเนินการในไตรมาสแรกของปี 2558 บริเวณ Waigaoqiao Bonded Zone ในเขต Shanghai FTZ เพื่อรองรับโอกาสทางธุรกิจของธนาคารในอนาคต โดยเฉพาะการขยายธุรกิจเข้าไปในพื้นที่การค้าที่มีการปฏิรูปซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลกลางของจีน อีกทั้งเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมเศรษฐกิจของทั้ง 2 ประเทศที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว และเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างเครือข่ายสาขาต่างประเทศของธนาคารซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของธนาคาร
นายสุวัชชัย ทรงวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) กล่าวว่า ‘ธนาคารกรุงเทพ (ประเทศจีน) ยังคงมุ่งเน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการต่างๆ ให้ตรงตามความต้องการของลูกค้าเพื่อรองรับการค้าระหว่างไทยจีนที่มีปริมาณธุรกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมีการให้บริการสินเชื่อธุรกิจและบริการเพื่อการค้าระหว่างประเทศ ซึ่งรวมทั้งสินเชื่อเพื่อการค้าระหว่างประเทศ บริการด้านบริหารการเงิน บริการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ และบริการโอนเงินระหว่างประเทศ อีกทั้งยังให้บริการชำระเงินในสกุลเงินหยวนได้อย่างครบวงจร และรับฝากเงินสกุลหยวนจากลูกค้าที่เป็นบริษัท และลูกค้าชาวต่างชาติ ซึ่งจะทำให้มีเงินทุนสำหรับรองรับการขยายสินเชื่อได้เพิ่มมากขึ้น’