กรุงเทพฯ--28 พ.ย.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท บริการเชื้อเพลิงการบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BAFS ที่ ‘A+(tha)’ และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ ‘F1(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
สถานะความเป็นผู้นำ: อันดับเครดิตของ BAFS สะท้อนถึงสถานะความเป็นผู้นำในการให้บริการน้ำมันอากาศยานในประเทศไทย โดย BAFS เป็นผู้ให้บริการคลังเก็บน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน (Depot Service) และเครือข่ายท่อจ่ายน้ำมันอากาศยาน (Hydrant Pipeline Network) แต่เพียงรายเดียว ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นท่าอากาศยานนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และเป็นผู้ให้บริการหลักในส่วนของบริการเติมน้ำมันอากาศยาน (Into-Plane Fuelling Service) ณ ท่าอากาศยานดังกล่าว โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดในการเติมน้ำมันอากาศยานประมาณร้อยละ 87 BAFS อยู่ในธุรกิจที่มีสภาพการแข่งขันที่ต่ำและได้รับประโยชน์จากอุปสรรคในการเข้าสู่ธุรกิจที่สูงของผู้บริการรายใหม่ เนื่องจากผู้ให้บริการต้องได้รับการอนุญาตจากท่าอากาศยานนั้นๆ จึงจะให้บริการได้
ความต้องการใช้บริการน่าจะฟื้นตัว: ฟิทช์คาดว่าปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานของ BAFS จะเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 5 ในปี 2558 และประมาณร้อยละ 4 ในช่วง 2-3 ปีต่อไป เมื่อเทียบกับปริมาณการเติมน้ำมันอากาศยานที่น่าจะลดลงประมาณร้อยละ 2 ในปี 2557 การฟื้นตัวของความต้องการใช้บริการน่าจะได้รับแรงสนับสนุนจากบรรยากาศทางการเมืองที่ผ่อนคลายมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจภายในประเทศและเศรษฐกิจโลกที่น่าจะฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้การรวมตัวกันทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ได้แก่ ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ที่จะเริ่มต้นในเดือนธันวาคม 2558 ก็น่าจะทำให้มีปริมาณการจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้น
ความเสี่ยงต่อความผันผวนของราคาน้ำมันที่จำกัด: BAFS ไม่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน เนื่องจาก BAFS จะเรียกเก็บเฉพาะค่าบริการเติมน้ำมันจากบริษัทน้ำมันเท่านั้น (โดยบริษัทน้ำมันเป็นผู้ขายน้ำมันให้แก่สายการบิน) นอกจากนี้ ต้นทุนหลักของ BAFS เป็นค่าสัมปทานซึ่งเป็นอัตราที่ตกลงกันก่อนตามสัญญา ทำให้อัตราส่วนความสามารถในการทำกำไรของ BAFS ค่อนข้างคงที่
ความสามารถในการรองรับการลงทุนที่อาจเพิ่มขึ้นจากอัตราส่วนหนี้สินที่ต่ำ: นอกเหนือจากแผนการลงทุนต่อเนื่อง ซึ่งใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงนัก บริษัทฯอาจจะมีแผนการลงทุนขนาดใหญ่ในการขยายเส้นทางท่อส่งน้ำมันที่อาจเกิดขึ้น ด้วยอัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานของ BAFS ที่อยู่ในระดับต่ำประมาณ 1 เท่าในปัจจุบัน ทำ
ให้ BAFS มีความสามารถในการรองรับการลงทุนที่อาจเพิ่มขึ้นได้ในระดับหนึ่ง โดยที่ยังคงสามารถรักษาอัตราส่วนหนี้สินให้อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้ อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตของ BAFS อาจได้รับแรงกดดัน หากแผนการลงทุนขนาดใหญ่มีสัดส่วนของแหล่งเงินทุนจากส่วนทุนไม่เพียงพอ จนทำให้อัตราส่วนทางการเงินของ BAFS ไม่อยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบัน
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- การเพิ่มขึ้นของขนาดธุรกิจและระดับการกระจายความเสี่ยงในธุรกิจของ BAFS (ซึ่งไม่น่าจะมีการปรับเปลี่ยนอย่างมากภายใน12-18 เดือนข้างหน้า)
ปัจจัยลบ:
- การลงทุนจำนวนโดยใช้เงินกู้เป็นแหล่งเงินทุน และการจ่ายเงินปันผลในอัตราที่สูง ซึ่งส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่วัดจากหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดจากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงในสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน เพิ่มสูงขึ้นเกิน 2.0 เท่าอย่างต่อเนื่อง