กรุงเทพฯ--1 ธ.ค.--MTS Gold Group
ราคาทองคำเปิดตลาดที่ระดับ 1,186 เหรียญ/ออนซ์ และกลับมาปิดช่วงกลางคืนที่ระดับ 1,183เหรียญ/ออนซ์ (22.30น.) ค่าเงินบาทปิด 32.83 บาท/ดอลลาร์ ราคาสมาคมเปิดที่ 18,400 บาท กับ 18,500บาท และกลับมาปิดที่ 18,350 บาท กับ 18,450 บาท
ปริมาณการซื้อขาย Gold Futures 50 บาทอยู่ที่ 655 คู่สัญญาแบบ 10 บาทอยู่ที่ 3,233 คู่สัญญา Open Interest แบบ 50 บาท เพิ่มขึ้น 4.6% แบบ 10 บาท เพิ่มขึ้น 7% GFZ14 ปิด 18,480 บาท และ GFG14 ปิด 18,560 บาท GF10Z14 ปิดที่ 18,480 บาท GF10G14 ปิดที่ 18,570 บาท
ข่าวที่สำคัญ
-ในคืนวันศุกร์ ราคาทองคำได้รับแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น และการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีที่ระดับ 64.75 เหรียญ/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ ก.ค. 2009
-ขณะที่เช้าวันนี้ราคาทองคำปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำกว่า 3 สัปดาห์ เพราะได้รับแรงกดดันจากผลการลงประชามติของสวิสเซอร์แลนด์ กรณีการถือครองทองคำสำรองเพิ่ม 20% โดยผลการลงคะแนนเสียงระบุว่า ชาวสวิสเซอร์แลนด์กว่า 77%คัดค้านข้อเสนอดังกล่าว มีเพียง 23% ที่สนับสนุนการเข้าถือครองทองคำเพิ่ม
-นักวิเคราะห์จากรอยเตอร์ กล่าวว่า ทองคำปรับตัวลดลงหลุดต่ำกว่าระดับ 1,175 เหรียญ/ออนซ์ ซึ่งเป็นระดับที่ปิดตลาดCOMEX ในคืนวันศุกร์ และลงไปทำจุดต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพ.ย.ที่ระดับประมาณ 1,142.91 เหรียญ/ออนซ์ในเช้าวันนี้ ขณะที่ Silver ปรับตัวร่วงลงกว่า 6% แตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี (นับตั้งแต่ ส.ค. 2009) ที่ระดับ 14.42 เหรียญ/ออนซ์
-เทรดเดอร์ ระบุว่า ทองคำจับตาไปยังการประชุมอีซีบีในวันพฤหัสบดีนี้ รวมถึงข้อมูลการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของรัฐบาลสหรัฐฯและอัตราคนว่างงานที่จะประกาศในคืนวันศุกร์
เมื่อวานนี้ SPDR ถือครองทองคำลดลงที่ระดับ 1.19 ตัน ปัจจุบันถือครอง 717.63 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ 23 ก.ย. 2008
-ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2443 ยูโร/ดอลลาร์ จากระดับ 1.2471 ยูโร/ดอลลาร์ และยังคงแข็งค่าต่อในเช้านี้ที่ระดับ 1.2436 ยูโร/ดอลลาร์ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า การปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบจะช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
-และยังคงแข็งค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินเยนที่อ่อนค่าสู่ระดับ 118.75 เยน/ดอลลาร์ จากระดับ 117.81 เยน/ดอลลาร์ และเช้านี้เยนอ่อนค่าทดสอบ 118.89 เยน/ดอลลาร์
-นักลงทุนจับตาไปยังการประชุมอีซีบีที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 ธ.ค.นี้ โดยจะมีการหารือเกี่ยวกับการใช้ QE เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของยูโรโซนเพิ่มเติมหรือไม่ หลังจากสภาพเศรษฐกิจของยุโรปได้เข้าสู่ภาวะซบเซา โดยอัตราคนว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง และอัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายมากว่า 5 ปีแล้ว ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง จึงอาจกดดันให้อีซีบีดำเนินการประกาศกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
-ธนาคารกลางรัสเซีย เปิดเผยว่า ธนาคารกลางพร้อมที่จะแทรกแซงตลาดการเงินเพิ่มเติม หากมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของค่าเงินรูเบิล เพราะจะทำให้การค้าระหว่างประเทศของรัสเซียจะได้รับผลกระทบตามไปด้วย หลังจากที่ค่าเงินรูเบิลอ่อนค่ามากกว่า 30% เมื่อเทียบกับค่าเงินดอลลาร์นับตั้งแต่ต้นปี ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 49.467 รูเบิล/ดอลลาร์ จากระดับ 33.233 รูเบิล/ดอลลาร์ในช่วงต้นปี 2014
-สภาผู้แทนราษฎรของเยอรมนี มีมติผ่านร่างงบประมาณประจำปี 2015 หลังจากรัฐบาลบรรลุเป้าหมายการสร้างสมดุลด้านการคลังและปลอดหนี้สิน จากการปรับขึ้นภาษีรายได้และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยระดับต่ำ ซึ่งร่างงบประมาณดังกล่าวจะช่วยสนับสนุนให้เศรษฐกิจของเยอรมนีเติบโตได้อย่างยั่งยืน
-กระทรวงการคลังของญี่ปุ่น ระบุว่า แม้ว่าเศรษฐกิจญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะชะลอตัวระหว่างกรกฎาคม-กันยายน แต่ตัวเลขการลงทุนธุรกิจประจำไตรมาสที่ 3 ของกลุ่มบริษัทญี่ปุ่นที่ประกาศในวันนี้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 5.5% เมื่อเทียบรายปี และปรับเพิ่มขึ้น 3% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.-มิ.ย. ซึ่งข้อมูลดังกล่าวอาจส่งผลให้มีการปรับทบทวน จีดีพีของญี่ปุ่นในไตรมาสที่ 3 ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้
-ขณะที่อียิปต์มีการชุมนุมประท้วงอย่างดุเดือดทั่วทุกมหาวิทยาลัยในอียิปต์ หลังจากที่ศาลได้ออกมาตัดสินให้ไม่ตัดสินไม่ลงโทษ นาย ฮุสนี มุบารัก ทำให้สถานการณ์ในอียิปต์อาจจะกลับมามีความตึงเครียดอีกครั้ง
-ช่วงเช้าวันนี้ ตำรวจฮ่องกงได้มีการเข้าสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย ที่ฝ่าฝืนค่ำสั่งโดยการเข้ากดดันล้อมตึกสำนักงานใหญ่ของรัฐบาลไว้ ทำให้ตำรวจต้องตัดสินใจใช้กระบอกและสเปรย์พริกไทย เพื่อยับยั้งกลุ่มผู้ชุมนุม
-ในคืนวันศุกร์ ตลาดหุ้นดาวโจนส์ ปิดเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.49 จุด เพราะได้รับแรงสนับสนุนจากการปรับตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ต่างใช้แผนการตลาดเพื่อดึงดูดกลุ่มผู้ซื้อในช่วงเทศกาลวันหยุด ขณะที่ปัจจัยลบต่อตลาดได้แก่ หุ้นกลุ่มพลังงาน ที่ปรับตัวลดลงตามราคาน้ำมันดิบตลาดโลก หลังโอเปคยังคงมีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันในการประชุมล่าสุด
-เช้าวันนี้ ดัชนีนิกเกอิเปิด +0.58% เนื่องจาก นักลงทุนขานรับรายงานที่ระบุว่า กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ตัวเลขการลงทุนทางธุรกิจประจำไตรมาส 3 ของบริษัทญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 5.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะระดับ 9.44 ล้านล้านเยน
-นักบริหารเงิน คาดว่า ค่าเงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 32.80-33.10 บาท/ดอลลาร์ และยังอยู่ในทิศทางอ่อนค่า โดยต้องจับตาไปยังค่าเงินดอลลาร์ที่ยังอยู่ในทิศทางแข็งค่า รวมถึงตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ และการประชุมอีซีบี นอกจากนี้ ตลาดยังจับตาไปยังรายงานอัตราเงินเฟ้อของไทยในวันที่ 1ธ.ค.นี้ เนื่องจากนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จะมีทิศทางชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญเมื่อคืนนี้
-ไม่มีตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญ
ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในคืนนี้
ISM Manufacturing PMI ตัวเลขเดิมอยู่ที่ระดับ 59 ตัวเลขที่คาดการณ์อยู่ที่ระดับ 57.9
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็วในคืนวันศุกร์ในช่วงปลายตลาด ที่ระดับ 1,175.5 เหรียญ ขณะที่เปิดตลาดเช้าวันนี้ราคาเปิดทำ GAP ดิ่งลงมาอีกครั้ง โดยมี GAP บริเวณ 1,165 เหรียญ และลงมาทำจุดต่ำสุด 1,142.91 เหรียญ หลังผลประชามติของสวิสฯ แสดงให้เห็นว่า เสียงส่วนใหญ่คัดค้านไม่ถือครองทองคำเพิ่มในสัดส่วน 20% ขณะที่ปัจจุบันรายงานจาก World Gold Council ระบุว่า สวิสเซอร์แลนด์มีการสำรองทองคำที่ระดับ 7% ในไตรมาสที่ 3 ซึ่งผลการลงประชามติ ส่งผลทำให้ทองคำได้รับแรงกดดันในทิศทางขาลง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เองมีทิศทางแข็งค่าขึ้นสู่ระดับ 1.2436 ยูโร/ดอลลาร์ และอยู่ที่ระดับ 118.89 เยน/ดอลลาร์ สำหรับเงินบาทเองยังคงอ่อนค่าทะลุ 32.90 บาท/ดอลลาร์ และในเช้านี้อ่อนค่าแตะระดับ 32.95 ทำให้ราคาทองคำไทยปรับตัวลง 200 บาท/บาททองคำ ในเช้าวันเสาร์อยู่ที่ระดับ 18,250 บาท/บาททองคำ และคาดว่าวันนี้จะปรับตัวลงต่อตามสภาวะกดดันของตลาดโลก สำหรับSPDR ลดการถือครองทองคำลงที่ 1.19 ตัน ปัจจุบันถือครอง 717.63 ตัน สำหรับคืนนี้จะมีการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจสำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ISM Manufacturing PMI ที่คาดว่าจะออกมาลดลง
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำหลุดแนวรับสำคัญบริเวณ 1,180 เหรียญ ทำให้ภาพรวมทองคำเข้าสู่แนวโน้มขาลงในระยะสั้นอีกครั้งหนึ่ง ตามที่ MTS Gold Futures กล่าวมาโดยตลอดว่าในระยะกลางกับยาวยังเป็นขาลง ทำให้ ณ ขณะนี้ทองคำเป็นขาลงทั้งในระยะสั้นและยาว โดยแนวรับถัดไปอยู่ที่ระดับ 1,140 เหรียญ และแนวต้าน 1,180 เหรียญ โดย Oscillator ในทั่วไปให้สัญญาณเป็นลบ และบางตัวเกิดภาวะ Oversold ด้วยซ้ำไป
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
เป็นลักษณะทำกำไรเป็นช่วงๆ และยังเน้นการลงทุนในทิศทางขาลง
- นักลงทุนที่ถือ Long Position
แนะนำให้ปิดสถานะ Long Position และทำ Stop Loss ควรปิดสถานะทันที เนื่องจากทองคำยังคงได้รับปัจจัยกดดันจากราคาน้ำมันในตลาดโลกและค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- นักลงทุนที่ถือ Short Position
ทำกำไรเป็นช่วงๆ และเปิดสถานะ Short Position เพิ่มเมื่อราคาดีดตัวสูงขึ้น
กลยุทธ์สำหรับนักลงทุน Weekly Trading
ยังคงแนะนำให้ทำกำไรในทิศทางขาลง
Gold Futures Z14 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,050 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,250 บาท
Gold Futures G15 จะมีแนวรับที่ระดับ 18,140 บาท และแนวต้านที่ระดับ 18,340 บาท
บทวิเคราะห์ข้างต้น ยึดหลักตาม Technical Analysis บริษัทไม่ได้มีส่วนรับผิดชอบใดๆ ต่อการวิเคราะห์ข้างต้นและโปรดระลึกเสมอว่าการลงทุนมีความเสี่ยงโปรดใช้วิจารณญาณในการลงทุนด้วยตัวของท่านเอง
ประชาสัมพันธ์:
1. เรียนเชิญนักลงทุนเข้าร่วมงานสัมมนาพิเศษ “Technical Class : ทำกำไรในทองคำโดยใช้กราฟเทคนิค” (Level 3) ร่วมบรรยายโดย นพ. กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ วันที่ 15 ธันวาคม 2557 ณ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า ชั้น17 เวลา 15.00-17.00น. รับจำนวนจำกัด 40 ที่นั่ง สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777
(เปิดรับเฉพาะสมาชิกของบริษัท MTS Gold และ MTS Gold Futures เท่านั้น หากผู้ที่ไม่ใช่สมาชิกต้องมีการเปิดบัญชีก่อนเข้าร่วมงานสัมมนา)
2. MTS นำเสนอโปรแกรมการเทรด TFEX อัจฉริยะรูปแบบใหม่ Meta Trader 4 ใช้งานง่าย สะดวกรวดเร็ว มีกลยุทธ์พร้อมใช้งานแบบ Real Time และรองรับ Smart Phone ทั้ง Android และ iOS สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ MTS Call Center: 02 770 7777
3. HOT Line: “MTS E-Business 02-770-7791”
นักลงทุนสามารถสอบถามรายละเอียดด้านการลงทุนผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ทั้งระบบ Gold Online และGold Futures ได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00น.
MTS Research
MTS Gold Group
Phone: 02-770-7777
Fax: 02-623-9366
Email: research@mtsgoldgroup.com
Website: http://www.mtsgold.co.th