กรุงเทพฯ--1 ธ.ค.--สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสกรณ์
นายอภิชาติ พงษ์ศรีหดุลชัย ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังการเสวนา “กิจการโคนมไทยในตลาดอาเซียน” และการกล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “นโยบายส่งเสริมกิจการโคนมไทยสู่ตลาดอาเซียน” ณ ห้องเมจิก โรงแรมมิราเคิล ว่า การเลี้ยงโคนมในประเทศไทย มีความเจริญก้าวหน้ามาโดยตลอด ในปัจจุบันมีผู้เลี้ยงประมาณ 20,000 ราย จำนวนโคนมประมาณ 600,000 ตัว ผลิตน้ำนมได้ประมาณ 1 ล้านตันต่อปี หรือเฉลี่ย 12-13 กิโลกรัม/ตัว/วัน และมีการเลี้ยงกระจายกันไปทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่ยืนยันได้ว่ากิจการการเลี้ยงโคนมของไทยมีความก้าวหน้า และจากสถานการณ์ปัจจุบันในการเปิดตลาดเสรีอาเซียน สินค้านมและผลิตภัณฑ์นมของไทย ยังมีความได้เปรียบในเชิงเปรียบเทียบแม้จะมีต้นทุนค่าแรงที่แพงกว่า แต่ประเทศไทยยังมีความก้าวหน้าในเรื่องเทคโนโลยีการเลี้ยงและการผลิตมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน
นายอภิชาติ กล่าวต่อไปว่า การที่ประเทศไทยสามารถผลิตนมพร้อมดื่มได้อย่างพอเพียง เป็นการสร้างความมั่นคงทางอาหารประเภทโปรตีนและวิตามินที่มีคุณค่าในราคาที่ประหยัดได้อีกทางหนึ่ง เพราะการที่ได้ดื่มนมโดยเฉพาะในช่วงวัยเด็กนั้นจะทำให้ร่างกายเจริญเติบโต มีสุขภาพแข็งแรง ซึ่งรัฐบาลได้มีโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนมาตั้งแต่ปี 2538 นับว่าเป็นนโยบายที่จะช่วยทั้งผู้เลี้ยงโคนมและพัฒนาสุขภาพอนามัยของประชาชนด้วย
สำหรับนโยบายและแนวทางการส่งเสริมการเลี้ยงโคนมของภาครัฐนั้น รัฐบาลมีนโยบายที่จะส่งเสริมการเลี้ยงโคนมให้มีความเจริญเติบโตอย่างยั่งยืนแน่นอน เกษตรกรไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนไปทำอาชีพอื่นนอกจากอาชีพเสริม สำหรับการดำเนินการในระยะสั้น จะมีคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (Milk Board) เพื่อกำกับดูแล ปรับปรุงแก้ไขปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น และนำเข้าพิจารณาในคณะกรรมการฯ ชุดนี้ สำหรับในระยะยาว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้มีการจัดทำยุทธศาสตร์พัฒนาโคนมและผลิตภัณฑ์นม ปี 2555 – 2559 ซึ่งจะมีทั้งเรื่องการวิจัยพัฒนาปรับปรุงพันธุ์ การถ่ายทอดความรู้ให้เกษตรกรโคนม โดยเฉพาะแนวทางการลดต้นทุนการผลิต การปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพน้ำนมดิบ การรณรงค์และส่งเสริมการบริโภคนมพร้อมดื่ม รวมทั้งการพัฒนาระบบสารสนเทศโคนมและผลิตภัณฑ์นมให้ถูกต้องทันสมัยและมีประสิทธิภาพ
“ถ้าทุกฝ่ายทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน มีความแนวแน่ที่จะแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยเฉพาะการให้ข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริง และคำนึงถึงประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย โดยเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมและผู้ประกอบการ ก็ต้องพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตของตนเอง ไม่เพียงแต่รอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐเพียงอย่างเดียว ในขณะที่ผู้บริโภค ควรสนับสนุนผู้เลี้ยงโคนมในประเทศ โดยเลือกซื้อนมที่มีคุณภาพและผลิตในประเทศ ในราคาที่เป็นธรรมไม่มุ่งหวังแต่ราคาถูกเพียงอย่างเดียว ซึ่งจะทำให้กิจการโคนมและอุตสาหกรรมนมของไทยก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป ” นายอภิชาติ กล่าว