กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 อุบลราชธานี
วันนี้ (1 ธ.ค. 57) นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 จังหวัดอุบลราชธานี (สคร.7) เปิดเผยว่า วันที่ 1ธันวาคมของทุกปี เป็นวันรณรงค์เอดส์โลก (World AIDS Campaign) สำหรับปี 2557 เน้นกรอบในการรณรงค์ คือ “ไม่ติด ไม่ตาย ไม่ตีตรา : ร่วมยุติปัญหาเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์” โดยมีเป้าหมายในการลดจำนวนผู้ติดเชื้อฯรายใหม่ลง ผู้ติดเชื้อฯที่เข้าสู่การดูแลรักษาแต่เนิ่นๆ ลดโอกาสของการถ่ายทอดเชื้อฯ นอกจากนี้ต้องไม่เลือกปฏิบัติกับผู้ติดเชื้อซึ่งเป็นแนวทางที่ทำให้ประชากรทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงบริการทั้งด้านป้องกันและการดูแลรักษาได้ทั่วถึงและ เท่าเทียม รวมทั้งเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันการติดชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีความเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐาน และรณรงค์ให้สังคมเลิกตัดสินคุณค่าผู้อื่น เคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
นพ.ศรายุธ กล่าวต่อว่า จากการคาดประมาณจำนวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์ ตั้งแต่เริ่มมีการระบาดจนถึงปี พ.ศ. 2557 มีผู้ติดเชื้อเอชไอวีและผู้ป่วยเอดส์แล้ว ประมาณ 1,194,515 คน จากจำนวนนี้ยังมีชีวิตอยู่ 438,629 คน เป็นผู้ติดเชื้อรายใหม่ 7,695 คน โดยร้อยละ 90 ของผู้ติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่เกิดจากการรับและถ่ายทอดเชื้อฯ โดยการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ไม่ว่าชายกับหญิง ชายกับชาย หญิงกับหญิง ล้วนมีโอกาสติดเชื้อได้ และปัจจัยที่ทำให้มีการติดเชื้อได้มากขึ้น คือ การมีบาดแผลฉีกขาดระหว่างร่วมเพศ หรือการมีแผลจากกามโรคอยู่เดิม
ดังนั้น การป้องกันควบคุมโรคเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ จึงมีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ในการสร้างความตระหนักและลดพฤติกรรมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ให้เกิดขึ้นกับประชาชน สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 ร่วมกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดอุบลราชธานี เทศบาลนครอุบลราชธานี จัดกิจกรรมวันเอดส์โลก ในวันที่ 1 ธันวาคม 2557 ณ ลานทุ่งศรีเมือง อำเภอเมือง จังหวัดอุบลราชธานี โดยภายในงานมีการจัดบู๊ทให้ความรู้เรื่อง โรคเอดส์ การตรวจเลือด การให้คำปรึกษาและการตอบปัญหาชิงของรางวัล เพื่อให้ประชาชน นักเรียน ผู้ติดเชื้อ กลุ่มเสี่ยง ได้รับความรู้ ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการป้องกันการติดชื้อ HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ มีความเข้าใจสิทธิขั้นพื้นฐาน และรณรงค์ให้สังคมเลิกตัดสินคุณค่าผู้อื่น เคารพสิทธิมนุษยชน ไม่ละเมิดสิทธิผู้อื่น
จึงขอเชิญชวนให้ประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะผู้ที่เคยมีพฤติกรรมเสี่ยงทั้งในอดีตและปัจจุบัน เช่น ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัย สามารถเข้ามารับบริการให้คำปรึกษา และตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี ได้ที่งาน หรือโรงพยาบาลของรัฐทุกแห่ง การทราบผลการตรวจเลือดจะช่วยให้ผู้ที่ไม่ติดเชื้อเกิดความตระหนักในการ ป้องกันตนเอง ส่วนผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ก็จะป้องกันไม่ถ่ายทอดเชื้อไปให้ผู้อื่น ขณะเดียวกันจะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะช่วยลดการป่วยจากโรคฉวยโอกาส เช่น วัณโรค และลดการเสียชีวิต ประชาชนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน กรมควบคุมโรค โทร.1422 นพ.ศรายุธ กล่าว.