กรุงเทพฯ--2 ธ.ค.--ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย)
เป็นการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) ครั้งแรกในประเทศไทย
เป็นธุรกรรมขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทยและใหญ่เป็นประวัติการณ์ในตลาด
ธนาคารกรุงเทพ ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด เป็นผู้จัดการการแลกพันธบัตร
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลไทย ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการการแลกพันธบัตรสำหรับการดำเนินธุรกรรมแลกพันธบัตร (Bond Switching) จำนวน 76,235 ล้านบาท (ประมาณ 2,300 ล้านเหรียญสหรัฐ)
จากการดำเนินธุรกรรมนี้ รัฐบาลสามารถแลกพันธบัตรสกุลเงินบาทที่มียอดคงค้างซึ่งจะครบกำหนดในเดือนพฤษภาคม 2558 (LB155A) เป็นพันธบัตรสกุลเงินบาทที่มีรุ่นอายุหลากหลายได้แก่ พันธบัตรที่ชำระคืนเงินต้นเพียงครั้งเดียว (Bullet bond) LB176A ครบกำหนดในปี 2560, LB191A ครบกำหนดในปี 2562, LB21DA ครบกำหนดในปี 2564 และพันธบัตรที่ทยอยชำระคืนเงินต้น (Amortizing bond) LBA37DA ครบกำหนดในปี 2580
การดำเนินการดังกล่าวช่วยให้รัฐบาลบรรลุเป้าหมายสองประการ คือลดความเสี่ยงในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรที่กำลังจะครบกำหนด และเพิ่มสภาพคล่องของพันธบัตรที่นักลงทุนสนใจแลก (Destination bond)
ยอดเสนอแลกพันธบัตรอยู่ที่ 80,732 ล้านบาท จาก 50 กว่าบัญชี ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างสูง โดยเป็นนักลงทุนภายในประเทศ 95% และจากต่างประเทศ 5% อนึ่ง มีนักลงทุนเสนอแลกพันธบัตรมาจากสถาบันการเงิน 63% นักลงทุนระยะยาว 32% และนักลงทุนต่างชาติ (Non-resident) 5%
นายกฤษฎา อุทยานิน? ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่า “ธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรครั้งนี้นับว่าเป็นก้าวสำคัญในหลายๆ มิติของประเทศไทย ธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรถือเป็นการดำเนินการเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ซึ่งมีวงเงินการทำธุรกรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของตลาดตราสารหนี้ไทย โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการปรับโครงสร้างหนี้พันธบัตรที่กำลังจะครบกำหนดและขยายอายุของพันธบัตร และเสริมสร้างสภาพคล่องในตลาดรองตลอดจนเป็นการปูทางสำหรับการดำเนินธุรกรรมแลกเปลี่ยนพันธบัตรในอนาคต โดยความสำเร็จของธุรกรรมดังกล่าวเกิดขึ้นจากการให้ความร่วมมือจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องจากทุกภาคส่วนในการร่วมผลักดันการพัฒนาตลาดตราสารหนี้อย่างต่อเนื่อง และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความเป็นผู้นำของตลาดตราสารหนี้ไทยในภูมิภาค”
นายสุรพันธ์ ปูรณคุปต์ ผู้จัดการฝ่ายทุนธนกิจ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ธุรกรรมนี้นับว่าเป็นก้าวสำคัญในประวัติศาสตร์ตลาดตราสารหนี้ของไทย และสำเร็จลุล่วงอย่างงดงามจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึง สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) และธนาคารทั้งสามที่เป็นผู้จัดการการแลกพันธบัตร ธนาคารกรุงเทพรู้สึกภูมิใจและเป็นเกียรติที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการดำเนินธุรกรรมที่สำคัญยิ่งครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐานให้แก่การดำเนินธุรกรรมในลักษณะเดียวกันของ สบน. ในอนาคต”
นายธิติ ตันติกุลานันท์ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดทุน ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ภารกิจหนึ่งของธนาคารกสิกรไทยคือ พัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการสำหรับตลาดทุนไทย ดังนั้น ธนาคารรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับโอกาสให้มีส่วนร่วมในการดำเนินธุรกรรมสำคัญครั้งนี้ ด้วยการสนับสนุนจาก สบน. และธนาคารทั้งสามที่เป็นผู้จัดการการแลกพันธบัตรตลอดจนความร่วมมือของผู้มีส่วนร่วมในตลาดต่างๆ ธุรกรรมครั้งบุกเบิกนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ร่วมของทุกฝ่ายที่มุ่งสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนของตลาดทุนไทย”
นางสาวณิชาภัทร อาร์ค รองกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารเงินและตลาดทุน ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) กล่าวว่า “สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) เป็นหนึ่งในธนาคารต่างประเทศชั้นนำในตลาดทุนไทย จากความเป็นธนาคารระหว่างประเทศที่มีประวัติศาสตร์ยืนยาว มีเครือข่ายและความเชี่ยวชาญที่หลากหลาย ทำให้ธนาคารสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่เป็นนวัตกรรมสร้างสรรค์ให้แก่ลูกค้ามาอย่างต่อเนื่อง ธนาคารหวังว่าธุรกรรมที่เป็นการบุกเบิกครั้งใหม่นี้จะเปิดทางไปสู่ธุรกรรมในทำนองเดียวกันเพิ่มขึ้นในอนาคต ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาตลาดตราสารหนี้ในประเทศไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และก่อเกิดประโยชน์กับนักลงทุนทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ”