กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ “BBB+” และจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันมูลค่ารวม 4,000 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” โดยอันดับเครดิตสะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตในระดับปานกลางสำหรับธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่งสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ตลอดจนการมีขีดความสามารถในการแข่งขันที่เพียงพอในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง และการมีธุรกิจที่มีความหลากหลาย อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง รวมถึงความเสี่ยงและผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสั้นในการซื้อกิจการ และแนวโน้มภาระหนี้ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ อันดับเครดิตตราสารหนี้มีระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตองค์กรอยู่ 1 ขั้นเนื่องจากบริษัทมีอัตราส่วนหนี้มีหลักประกันต่อสินทรัพย์รวมสูงกว่า 20% ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable” หรือ “คงที่” สะท้อนถึงความคาดหวังว่าธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจบริการนอกชายฝั่งจะสามารถรองรับความผันผวนของอุตสาหกรรมได้ในระยะปานกลาง และคาดว่าบริษัทจะซื้อกิจการใหม่เพิ่มเติมในขณะที่ยังคงรักษาสถานะทางธุรกิจเดิมเอาไว้ได้ นอกจากนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะรักษาอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับต่ำกว่า 50% และรักษาอัตราส่วนภาระหนี้ต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายในระดับต่ำกว่า 4 เท่าในระยะปานกลาง
บริษัทโทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ เป็นบริษัทลงทุนในธุรกิจหลัก 4 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกอง ธุรกิจวิศวกรรมใต้ทะเลและขุดเจาะนอกชายฝั่งสำหรับอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายปุ๋ยในประเทศเวียดนาม และธุรกิจซื้อขายถ่านหิน โดยบริษัทมีรายได้ ณ สิ้นปีบัญชีในเดือนกันยายน 2557 อยู่ที่ 2.14 หมื่นล้านบาท และมีเงินทุนจากการดำเนินงานอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท ธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมีสัดส่วนคิดเป็น 60% ของกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย ในขณะที่ธุรกิจเรือขนส่งสินค้ามีสัดส่วนคิดเป็น 28% บริษัทก่อตั้งในปี 2525 และจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2538 ณ เดือนกันยายน 2557 ตระกูลมหากิจศิริมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทคิดเป็นประมาณ 28% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด
สถานะทางธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่ยาวนานในธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง โดย ณ เดือนกันยายน 2557 บริษัทมีเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองจำนวน 42 ลำ ในจำนวนนี้ 24 ลำเป็นเรือที่บริษัทเป็นเจ้าของ และอีก 18 ลำเป็นเรือที่บริษัทเช่ามา ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัทมีอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานที่ค่อนข้างผันผวนจากการเปลี่ยนแปลงของค่าระวางเรือ อย่างไรก็ตาม ความไม่สมดุลระหว่างอุปสงค์และอุปทานในตลาดเริ่มปรับตัวดีขึ้นตั้งแต่ปี 2556 ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายธุรกิจเรือขนส่งสินค้าที่เป็นเงินสดต่อวันของบริษัทเริ่มปรับตัวดีขึ้นมาตั้งแต่ปี 2555 จากผลของการปรับมาตรฐานกองเรือให้ใกล้เคียงกัน รวมถึงจากการมีจำนวนเรือใหม่ที่เพิ่มมากขึ้น และนโยบายการบำรุงรักษาเรือ
สถานะของธุรกิจบริการนอกชายฝั่งสะท้อนถึงผลงานในอดีตและผลการดำเนินงานที่ปรับดีขึ้นในช่วงปีที่ผ่านมาของ บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) โดย ณ เดือนกันยายน 2557 บริษัทถือหุ้นในบริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ คิดเป็นสัดส่วน 57.1% โดยที่บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ เป็นเจ้าของเรือวิศวกรรมใต้ทะเลจำนวน 7 ลำ และเรือขุดเจาะแบบ Tender จำนวน 2 ลำ นอกจากนี้ บริษัทเมอร์เมด มาริไทม์ ยังมีบริษัทร่วมที่เป็นเจ้าของเรือขุดเจาะแบบ Jack-up อีกจำนวน 3 ลำด้วย ในช่วงปีที่ผ่านมา อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ ได้รับแรงกดดันจากต้นทุนไม่ผันแปรเนื่องจากเรือบางลำมีอัตราการใช้ประโยชน์ค่อนข้างต่ำ ทั้งนี้ เรือลำใหม่ที่บริษัทได้สั่งต่อไว้คาดว่าจะช่วยปรับเพิ่มอัตราการใช้ประโยชน์และอัตราค่าเช่าเรือรายวัน รวมทั้งอัตราส่วนกำไรและกระแสเงินสดในอนาคต
ในส่วนของสถานะทางธุรกิจของบริษัทนั้นได้มีการพิจารณาถึงผลการดำเนินงานที่ค่อนข้างสั้นของกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่และตำแหน่งของคณะผู้บริหารหลักในการกำหนดกลยุทธ์การซื้อกิจการและดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย นอกจากนี้ ยังพิจารณาถึงประโยชน์จากการที่บริษัทประกอบธุรกิจที่หลากหลายซึ่งน่าจะช่วยลดความผันผวนของกระแสเงินสดได้ด้วย
ในช่วงปี 2558-2560 สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตที่ระดับไม่ต่ำกว่า 10%-15% ต่อปีโดยได้รับแรงสนับสนุนจากภาวะเศรษฐกิจโลกที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น รวมทั้งจากกองเรือสำหรับธุรกิจเรือขนส่งสินค้าและบริการนอกชายฝั่งของบริษัทที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและมีความสามารถในการให้บริการที่สูงขึ้น
อัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานก่อนค่าเสี่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 13% โดยเฉลี่ย เงินทุนจากการดำเนินงานคาดว่าจะอยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 2.5 พันล้านบาทต่อปี ความเสี่ยงสำหรับสมมติฐานกรณีพื้นฐานอยู่ในระดับปานกลางจากวงจรขึ้นลงของอุตสาหกรรมเรือขนส่งสินค้าและธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงดังกล่าวถูกลดทอนลงบางส่วนจากรายได้ที่มาจากสัญญาที่ทำไว้กับ Saudi Aramco
ในปี 2558-2560 ค่าใช้จ่ายฝ่ายทุนทั้งหมดของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ 2.4 หมื่นล้านบาท โดยที่ประมาณ 2 ใน 3 ของค่าใช้จ่ายดังกล่าวจะเกิดขึ้นในปี 2559 สถานะทางการเงินยังได้พิจารณาถึงภาระหนี้ที่อาจปรับเพิ่มสูงขึ้นจากการที่บริษัทซื้อกิจการเพิ่มเติมในอนาคต อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นในระดับสูงสุดในช่วงปี 2559-2560 แต่คาดว่าอัตราส่วนดังกล่าวจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 50% ในขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงกว่า 4 เท่า และอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมจะอยู่ในระดับสูงกว่า 10% โดยเฉลี่ย
?
บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) (TTA)
อันดับเครดิตองค์กร: BBB+
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TTA157A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2558 BBB
TTA176A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 BBB
แนวโน้มอันดับเครดิต: Stable