กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--อาร์เอส
ดูเหมือนจะถึงทางตันสำหรับวงการหนังไทย สังเกตได้จากโรงหนังทั่วประเทศที่มีพื้นที่ให้หนังไทยได้เขาฉายเพียงน้อยนิด รวมทั้งรายหนังในประเทศที่เรียกได้ว่า แค่ประคองไม่ให้ขาดทุนก็เจ๋งแล้ว วงการหนังไทยในวันนี้จะอยู่รอดเอย่างไร “ปรัชญา ปิ่นแก้ว” ผู้กำกับพันล้าน มีมุมมองในมางบวกกับเรื่องนี้มาให้คอหนังให้ฟังกันในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ทาง “ช่อง 2” บันเทิง..ถึงรส ถึงคุณ
คนมองต่อไปนี้คงทำหนังลำบากเพราะไม่มีประเอกคู่บุญแล้ว ?
“สนุกครับที่ต้องอยู่ใต้คำถามเหล่านี้ คนทำหนังที่ดี ผู้กำกับกำกับหนังที่ดีต้องมีความฝันที่ไม่มีวันจบ มีความกระหายที่จะทำเรื่องนั้นเรื่องนี้ ถ้าเรายังมีความรู้สึกเหล่านี้อยู่ ผมเชื่อว่าทุกคนจะทำมันออกมาได้ดี แต่ว่าไม่ใช่ทำไปวันๆ หรือมีอะไรมากำหนดชีวิตเรามากจนเกินไปก็ไม่ดี เราต้องเป็นตัวเรามากที่สุด ผู้กำกับทุกคนก็ต้องมีฝันกันทุกคน แล้วฝันมันไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นไปตามที่คนคิด หริคนคาดเดา จริงๆ เราทำอะไรที่คนคาดเดาไม่ได้นั่นคือเจ๋งด้วยซ้ำ”
ทำหนังบู้ต่อไป ?
“ผมสนุกกับหนังทุกแนวอยู่แล้ว อย่างเช่นหนังบู้ วันนี้มันเดินมาถึงตรงนี้ ผมก็สนุกกับการที่จะทำอะไรให้มันเหนือกว่า ใหม่กว่าไปเรื่อยๆ หรือถ้าเป็นหนังรักที่ผมไม่ได้ทำเลย ผมก็คิดว่าผมจะทำยังไงให้มันสนุกว่า และดีกว่าหนังที่มันเคยมี อันนั้นคือแนวคิดที่ควรจะเป็นสำหรับคนที่จะเป็นผู้กำกับ”
กำลังจะเปลี่ยนแนวทำหนังอย่างอื่นบ้าง ?
“ผมมั่นใจว่าหนังเราจะต้องมีดีไม่ว่าจะทำเรื่องอะไร แต่จะสำเร็จ บางทีมันเทียบกันคนละอย่าง อย่างเรื่องที่ผมจะทำต่อไปเนี่ยมันไม่ได้ทำไปเมืองนอกหรอกมันแค่ในประเทศไทย วันหนึ่งผมเคยทำหนังใช้เงินหลายร้อยล้านบาท แต่ผมก็มีความฝันที่อยากทำหนังไม่กี่ล้านบาท หนังเล็กๆ”
10 ล้านสร้างหนัง ?
“ผมอยากทำน้อยกว่านั้นด้วยซ้ำ อยากพิสูจน์ตัวเอง อยากทำงบน้อยๆ พิสูจน์ตัวเองว่าเราก็ทำได้ แต่ว่าเรื่องที่จะทำก็ยังไม่ได้น้อยขนาดนั้น”
หนังต้นทุนต่ำ จะมีโรงให้ฉายเหรอ ?
“นั่นแหละ ท้าทายครับ โรงหนังที่เขาจะฉายหนัง เขาไม่ได้มองว่าหนังต้นทุนเท่าไหร่ เขามองว่าหนังเรืองนั้นน่าสนใจแค่ไหน ถ้าเราสามารถทำให้หนังเราต้นทุนต่ำสุด แต่ความน่าสนใจสูงสุด ผมว่าเก่งมาก”
ต้นทุนจะต่ำได้อย่างไร ดาราตัวท๊อปๆ ค่าตัวแพง ?
“หนังทุกเรื่องไม่ได้น่าดูเพราะดารา หนังแต่ละเรื่องมีสิ่งที่ทำให้คนอยากไปดู 10 กว่าเหตุผลครับ ดาราตัวท๊อปที่พูดมาทั้งหมดนั้น(เจมส์จิ-มาริโอ้,ญาญ่า ฯลฯ) ถ้าเราใช้ไม่เป็น ใช้ผิดที่ผิดทางคนก็ไม่ดูเหมือนกัน เราต้องใช้ให้เป็น แล้วอีกอย่างหนึ่งไม่ใช่ดาราเท่านั้นที่คนอยากไปดูเหตุผลที่คนดูหนังแต่ละเรื่องมีมากมาย หนังบางเรื่องเราไปดูเพราะโปสเตอร์ใบเดียวด้วยซ้ำ หรือบางเรื่องไปดูเพราะชื่อเรื่อง แค่คำคำนี้คำเดียว”
หวังการหนังไทยแย่มากใยระยะหลัง ?
“ผมคิดว่าตอนนี้ทั้งหนังไทย หนังต่างประเทศเจอปัญหาเดียวกันคือต้องทำให้ตัวเองน่าสนใจให้มากๆ มากพอที่จะทำให้คนหันมาดู เพราะทุกวันนี้มันเป็นยุคดิจิตอล มันส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลง ต่อ 3 จอ จอใหญ่(โรงหนัง) จอกลาง(ทีวี) จอเล็ก(มือถือ) ตอนนี้มันเกิดสงครา 3 จอ”
สงคราม 3 จอ ?
“จอเล็กมันถูก ง่าย เร็ว แล้วก็น่าสนใจ จอใหญ่เสียตังก์ แล้วฟิกซ์เวลา ต้องดูรอบนั้นเวลานี้ จอกลางก็ฟรี แต่ฟิกซ์เวลา แต่ไอ้ที่อยู่ในมือ จอเล็ก ฟรี และไม่ฟิกซ์เวลาจะเมื่อไหร่ก็ได้”
อาจจะสร้างหนังบนจอเล็ก ไม่ต้องจอใหญ่ ?
“ผมยังสนุกกับจอใหญ่อยู่ ผมยังสนุกกับการที่จะเอาชนะปัญหานี้ ผมชอบทำหนังให้หน้าดู ให้คนเสียเงินมาดูหนังเราให้ได้”
หนังโรงใหญ่มีสิทธิ์ตาย ?
“ก็มีสิทธิ์ถ้าไม่พัฒนา ไม่ก้าวทันความต้องการของคนดู”
หนังไทยแทบไม่มีโรงให้ฉาย ในโรงเป็นหนังต่างประเทศซะส่วนใหญ่ ?
“ไม่โทษโรงหนังเลยครับ โรงหนังเขาไวด้วยซ้ำที่จะรู้ว่าคนดูอยากดูเรื่องไหน เขาจะเตรียมโรงให้ดูเลย ถ้าเขารู้คนดูรู้ว่าคนดูไม่อยากดูเรื่องนี้ หริสนใจกลุ่มเล็กๆ เขาก็จะเตรียมโรงน้อยๆ ให้คนกลุ่มเหล่านั้น ไม่โทษโรงหนัง โมษความสะดวกสบายในการับสื่อในยุคปัจจุบัน สุดท้ายก็ไม่ได้โทษอะไรคือเราต้องปรับตัวให้ทัน มันเป็นเรื่องปฏิเสธไม่ได้ ผมก็เป็น เราก็เสพสื่อเหล่านี้อยู่”
คุณภาพหนังไทยจะสู้หนังต่างประเทศได้ยังไง เทคนิค ตัดต่อ มันต่างกัน ?
“แต่หนังไทยได้เปรียบหนังต่างประเทศ หนังไทยมีจิตวิญญาณของคนไทย หนังทุกประเทศจะได้เปรียบหนังนอกประเทศของเขา คือมีจิตวิญญาณของคนดูเหล่านั้น ไม่มีหนังฝรั่งเรื่องไหนเข้าถึงจิตวิญญาณของคนไทย นอกจากหนังไทยด้วยกัน
ติดตามบทสัมภาษณ์แบบเต็มๆ ได้ในรายการ “คนดังนั่งเคลียร์” ได้ทางช่อง 2 ทุกวันจันทร์-ศุกร์เวลา 11.30 / 15.00 / 20.00 น. เสาร์-อาทิตย์ 11.00/15.00/20.00 และติดตามความเคลื่อนไหวได้ที่ www.facebook.com/thaich2