กรุงเทพฯ--3 ธ.ค.--IR PLUS
GCAP ยังคงสร้างผลประกอบการสูงสุดติดต่อกัน ทั้งที่เศรษฐกิจโดยรวมชะลอตัว “สันติ หอกิตติกุล” เอ็มดีมั่นใจผลงานปี 2557 จะออกมาเป็นที่น่าพอใจและดีกว่าปี 2556 ส่วนกำไรสุทธิงวด 9 เดือน มีกำไร 45.39 ล้านบาท มากกว่าปี 2556 ทั้งปี โดยสาเหตุหลักมาจากการ ปรับกลยุทธ์ เพิ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ลดต้นทุนทางการเงิน และเพิ่มพันธมิตรทางการค้ามากขึ้น คาดปี 2557 จ่าย ปันผลได้ตามนโยบายที่กำหนดไว้ หลังจ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.06 บาทต่อหุ้นในช่วงที่ผ่านมา
นายสันติ หอกิตติกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท จีแคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ GCAP ผู้ให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อเครื่องจักรกลการเกษตรภายใต้แนวคิดความรับผิดชอบต่อสังคมที่ว่า “ความสำเร็จของลูกค้าคือความสำเร็จของบริษัทฯ” เปิดเผยถึงแนวโน้มผลประกอบการโดยรวมในปี 2557 จะออกมาดีกว่าปี 2556 ทั้งในส่วนของรายได้ และกำไรสุทธิ เนื่องจากบริษัทฯ ได้ปรับปรุงกลยุทธ์ ในการบริหารใหม่โดยนำแนวคิด ความรับผิดชอบต่อสังคม มาใช้ในกระบวนการทำงาน ทำให้ ในปี2557ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เพิ่มคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจ ออกหุ้นกู้ระยะยาว 1.5 ปี จำนวน 300 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ย ร้อยละ 5.20 ต่อปี จัดแคมเปญ ออกรถเกี่ยวเที่ยวเกาหลีเพื่อกระตุ้นยอดสินเชื่อ และเพื่อจูงใจให้ลูกค้าชำระเงินค่างวดเต็มจำนวน ในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว บริษัทฯได้ออกแคมเปญ ไม่มียอดค้างชำระจะได้รับโทรศัทพ์มือถือสมาร์ทโฟน ฟรี เพื่อเป็นการขอบคุณลูกค้า และร่วมฉลองครบรอบ 10 ปี จีแคปปิตอล ซึ่งคาดว่า แคมเปญดังกล่าวจะจูงใจให้ลูกค้านำเงินมาชำระค่างวดได้ตามเป้าที่วางไว้เหมือนเช่นทุกปีที่ผ่านมา สำหรับผลประกอบการปี 2557 คาดว่าทั้งปี จะมีผลประกอบการ ดีกว่า ปี 2556 ที่มีรายได้ 163.39 ล้านบาทกำไรสุทธิ 42.81 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้น 0.28 บาทต่อหุ้น ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2557 มีรายได้รวม 134.48 ล้านบาท มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 45.39 ล้านบาท คิดเป็นกำไรต่อหุ้นเท่ากับ 0.23 บาทต่อหุ้น
สำหรับปี 2558 คาดว่า พื้นที่เพาะปลูกข้าวจะยังคงใกล้เคียงกับปี 2557 แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายจัดพื้นที่ การเพาะปลูก และภาวะแล้งน้ำ แต่ก็เป็นการขอความร่วมมือโดยสมัครใจ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาส่วนใหญ่มีความถนัดและคุ้นชินกับการปลูกข้าว การที่จะให้เปลี่ยนแปลงไปปลูกพืชชนิดอื่น หรือเปลี่ยนอาชีพคงเป็นเรื่องยากและต้องใช้เวลาในการสร้างความรู้ความเข้าใจ และเห็นผลสัมฤทธิ์ในการเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ดีบริษัทฯ ได้ศึกษาและเตรียมการที่จะขยายการปล่อยสินเชื่อ เครื่องจักรกลทางการเกษตรประเภทอื่น ให้ครอบคลุม พืชเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศอาทิเช่น อ้อย มันสัมปะหลัง เป็นต้น เพราะบริษัทฯ มองว่าปัญหาการขาดแคลนแรงงานภาคการเกษตรและค่าแรงขั้นต่ำที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ความต้องการใช้เครื่องจักรกลทางการเกษตรขยายตัวอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นโอกาสทางธุรกิจของบริษัทฯ