Ericsson Mobility Report ชี้ Connected Lifestyle คือจุดเปลี่ยนของการให้บริการในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย

ข่าวเทคโนโลยี Monday December 8, 2014 15:46 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--อีริคสัน - การใช้งานสมาร์ทโฟนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียจะเพิ่มสูงขึ้น 4 เท่าเป็น 800 ล้านการใช้งานและการรับส่งข้อมูลในแต่ละเดือนเกินกว่า 2.5 exabyte เมื่อถึงปี 2020 - ร้อยละ 23 ของผู้บริโภคทั่วทุกภูมิภาคมองว่าโซเชียลมีเดียเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน และนอกจากนี้ร้อยละ 67 ของผู้บริโภคมีการใช้แอพพลิเคชั่นสำหรับส่งข้อความมากกว่า 2 แอพพลิเคชั่น - เกือบ 1 ใน 3 ของผู้บริโภคสนใจใช้บริการ Connected Home Connected Me และ Connected Car ในวันนี้ อีริคสัน ได้ตีพิมพ์ ภาคผนวกของ Ericsson Mobility Report ที่ครอบคลุมภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย โดยรายงานภาคผนวกฉบับนี้ได้แสดงแนวโน้มของผู้บริโภคที่ผลักดันการใช้งานโทรศัพท์มือถือและการเปลี่ยนมาใช้งานสมาร์ทโฟน รวมถึงการแสดงให้เห็นการเติบโตของเครือข่าย 3G/HSPA และ 4G/LTE ตลอดจนการทดสอบประสิทธิภาพของเครือข่ายด้วย ภาคผนวกฉบับนี้ ซึ่งรวมบทวิเคราะห์ที่มาจากงานวิจัยฉบับใหม่ของ Ericsson ConsumerLab ที่เกี่ยวกับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในทุกวันอายุตั้งแต่ 16 ถึง 60 ปี ได้มีการเผยถึงการใช้โซเชียลมีเดียที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงความสนใจในเรื่องของสิ่งของที่นำมาเชื่อมต่อกัน ผลการศึกษาเกี่ยวกับโซเชียลมีเดีย: โทรศัพท์มือถือนั้นนับเป็นเครื่องมือสำคัญในการเข้าถึงบริการออนไลน์ต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะโซเชียลมีเดีย นาย บัญญัติ เกิดนิยม ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารและองค์กรสัมพันธ์ อีริคสัน ประเทศไทย กล่าวว่า "ภูมิภาคนี้เป็นผู้นำในด้านการใช้งานโซเชียลมีเดียและการบริการรับส่งข้อความ ด้วยจำนวน 2 ใน 3 ของผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตทุกวันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนียนั้นใช้งานแอพพลิเคชั่นในการส่งข้อความอย่างน้อย 2 แอพพลิชั่นโดยประเทศมาเลเซียถือเป็นประเทศที่มีผู้ใช้งานในรูปแบบของ multi-app มากที่สุด โดยคิดเป็นร้อยละ 89 ทั่วทั้งภูมิภาคนั้น ร้อยละ 23 ของผู้บริโภคชี้ว่าโซเชียลมีเดียเป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวันของพวกเขา โซเชียลมีเดียนั้นมีบทบาทมากสำหรับผู้บริโภคในเวียดนาม (ร้อยละ 29) ไทย มาเลเซีย (ร้อยละ 26 ทั้งสองประเทศ) และอินโดนีเซีย (ร้อยละ 24) นาย บัญญัติ กล่าวเสริมด้วยว่า "ความน่าสนใจของโซเชียลมีเดียและการส่งข้อความนั้นมีความสำคัญเพราะผู้ใช้มีพฤติกรรมต่อแพลตฟอร์มเหล่านั้นมากกว่าแค่การพูดคุย ยิ่งไปกว่านั้น การเสริมประสบการณ์ผู้ใช้ให้กับ แอพพลิเคชั่น โซเชียลมีเดียผ่านการปรับประสิทธิภาพของเครือข่ายนั้นสามารถนำไปสู่ความพึงพอใจของลูกค้าที่มากขึ้นได้ด้วย" ผลการศึกษาเกี่ยวกับอนาคตแห่งการเชื่อมต่อถึงกัน: ผลการศึกษาของ ConsumerLab นั้นแสดงให้เห็นว่าจากทั่วทั้งภูมิภาคนั้น ผู้ใช้อินเตอร์เน็ตชาวมาเลเซีย สิงคโปร์และออสเตรเลียมีแนวโน้มที่จะตอบรับเทคโนโลยีที่สวมใส่ได้ ใช้การเชื่อมต่อในรถและมีเครื่องมือในบ้านที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตเพื่อการควบคุมได้มากที่สุด โดยเฉลี่ย 1 ใน 3 ของผู้ที่ใช้อินเตอร์เน็ตทุกวันในมาเลเซียสามารถหรือเข้าถึงบริการที่เชื่อมถึงกันได้เรียบร้อยแล้วโดยในสิงคโปร์จำนวนดังกล่าวคือ 1 ใน 4 ในทุกประเทศบริการบ้านที่เชื่อมต่อ (connected home) นั้นมีจำนวนผู้ใช้ในปัจจุบันสูงสุดและยังเป็นบริการที่ผู้ใช้สนใจจะนำไปใช้มากที่สุด (ร้อยละ 36) ผลการวิเคราะห์ของ Ericsson ConsumerLab ชี้ให้เห็นว่ามีทั่วทั้งภูมิภาคมีความสนใจในบริการที่เชื่อมต่อกัน และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตของบริการใหม่ๆ ดังกล่าว เมื่อถึงสิ้นปี 2014 จะมีการใช้งานเครื่องมือสื่อสารเครือข่ายโทรศัพท์แบบ M2M ราว 10 ล้านเครื่องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโอเชียเนีย โดยคาดการณ์ว่าจะเติบโตสองถึงสี่เท่าเมื่อถึงปี 2020 การเติบโตของสมาร์ทโฟน "อีริคสัน คาดการณ์ว่าการใช้งานสมาร์ทโฟนจะเติบโตขึ้นถึง 4 เท่าในภูมิภาคนี้ จาก 200 ล้านกลายเป็นมากกว่า 800 ล้านในปี 2020 ทำให้ประสิทธิภาพของเครือข่ายเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ให้บริการจะต้องพิจารณา โดยเฉพาะการคำนึงถึงวิธีการใหม่ๆ ที่ผู้บริโภคบริโภคข้อมูล" นาย บัญญัติ กล่าว ขณะที่ แอพพลิเคชั่นต่างเริ่มให้บริการที่ส่งผ่านข้อมูลที่มีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ เช่นการรับชมวีดีโอแบบสตรีมมิ่งนั้น ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องมีตัวชี้วัดที่ดีกว่าการวัดบริการเสียงและการโทรติดต่อสำหรับผู้บริโภค โดยเป็นการที่จะวัดว่าเครือข่ายนั้นๆมีประสิทธิภาพที่ดีพอสำหรับ App ต่างๆเหล่านั้นหรือไม่ อีริคสันได้นำเสนอรูปแบบการวัดประสิทธิภาพของเครือข่ายว่า "App Coverage" ซึ่งก็คือการวัดความครอบคลุมและประสิทธิภาพของเครือข่ายให้การให้บริการ App ในรูปแบบต่างๆ" หรือจะเรียกอีกอย่างก็ได้ว่า “ประสิทธิภาพของเครือข่ายจากมุมมองของผู้ใช้งาน” โดยมาตรวัดดังกล่าวจะแสดงให้เห็นถึงระดับประสิทธิภาพของเครือข่ายที่จำเป็นต้องมีเพื่อให้บริการและ แอพพลิเคชั่นต่างๆสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยกตัวอย่างเช่นการรับชมวีดีโอแบบสตรีมมิ่งต้องใช้การดาวน์โหลด 720 kbps และการ Video call ต้องใช้การอัพและดาวน์โหลด 320 kbps สำหรับเครื่องมือ Smart device ทั่วๆ ไป การประเมินข้อมูล Ookla’s NetMetrics จาก Speedtest.net ของ อีริคสันแสดงให้เห็นว่าแม้การดาวน์โหลดจะอยู่ที่สุดเขตของเซลล์ (สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด) สำหรับเครือข่ายเคลื่อนที่ในออสเตรเลียและสิงคโปร์ แต่ก็ยังสามารถสตรีมวีดีโอและ Video call ได้อย่างง่ายดาย แต่สถานการณ์เดียวกันนั้นจะเป็นเรื่องที่ท้าทายมากในประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่นๆ App Coverage ที่ดีขึ้นของออสเตรเลียและสิงคโปร์นั้นมาจากการเข้าถึงเครือข่าย 4G/LTE ที่มากขึ้นและแผนยุทธศาสตร์การจัดการคลื่นความถี่เชิงรุก ในตลาดประเทศกำลังพัฒนานั้นกำลังมีแนวโน้มการพัฒนาไปหา 4G การนำ Dual-Carrier HSPA มาใช้จะเป็นการผลักดันการปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่ายในระยะสั้น การวิจัยและวิเคราะห์นี้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อประกอบรายงาน Ericsson Mobility Report เช่นเดียวกับภาคผนวก South East Asia and Oceania Appendix จัดเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของบริษัทที่จะเข้าใจปริมาณการรับส่งข้อมูล รูปแบบการใช้งานและพฤติกรรมของผู้ใช้ ซึ่งจะเป็นส่วนสำคัญต่อการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การปรับมิติและประสิทธิภาพของเครือข่าย เพื่อที่จะสืบหาสถิติที่เหล่านี้ อีริคสัน ได้ทำงานร่วมกับผู้ให้บริการเช่นเดียวกับผู้ผลิตเครื่องมือและผู้สร้างแอปพลิเคชั่นต่างๆ โดยตรงด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ