กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--พีอาร์ดีดี
นายอมร จุฬาลักษณานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทคอน แมนเนจเม้นท์จำกัด (TMAN) ในฐานะผู้จัดการ TREIT (ทีรีท) หรือ
“ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน”(TICON Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust) เปิดเผยว่าสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ได้อนุมัติให้เสนอขายหน่วยทรัสต์ของ TREIT จำนวน 342.5 ล้านหน่วยทรัสต์ในราคา 10 บาทต่อหน่วยทรัสต์ คิดเป็นมูลค่าเสนอขายรวม 3,425 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีส่วนเงินกู้อีกจำนวนหนึ่ง โดยสามารถจองซื้อผ่านธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ทุกสาขา ระหว่าง วันที่ 8 - 11 ธันวาคม 2557 ด้วยจำนวนการจองซื้อขั้นต่ำ 2,000 หน่วยและเพิ่มทวีคูณ 100 หน่วย โดยคาดว่าหลังจากนี้ กอง TREITจะสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงมกราคม 2558
สำหรับสัดส่วนการเสนอขาย TREIT ให้กับกลุ่มนักลงทุน ประกอบด้วย กลุ่มไทคอนจะร่วมลงทุนในฐานะผู้สนับสนุนและกลุ่มบริษัทมิตซุยซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใน TMAN นักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายย่อย ทั้งนี้รายได้หลักของทรัพย์สินที่ TREITลงทุนมาจากค่าเช่าและค่าบริการ โดยคาดว่า TREIT จะสามารถให้ผลตอบแทนต่อผู้ลงทุนจากเงินส่วนแบ่งกำไรและเงินสดสภาพคล่องส่วนเกินในปีแรก
ราว7.75% และมีนโยบายจ่ายผลตอบแทนไม่น้อยกว่าปีละ 2 ครั้งในอัตราไม่น้อยกว่า 90% ของกำไรสุทธิปรับปรุงแล้ว
นายอมร กล่าวว่า ภายหลังการเสนอขายหน่วยทรัสต์ TREITจะลงทุนครั้งแรกในคลังสินค้าและโรงงานให้เช่าของกลุ่มบริษัทไทคอน แบ่งเป็นกรรมสิทธิ์ประมาณ 70% และสิทธิการเช่าประมาณ 30% รวมทั้งสิ้น 45ยูนิต พื้นที่ให้เช่ารวมทั้งสิ้น 214,523 ตารางเมตร บนที่ดินรวม 306 ไร่แบ่งเป็น คลังสินค้า จำนวน 25 ยูนิต มีพื้นที่รวม 160,523 ตารางเมตรและโรงงานจำนวน 20 ยูนิต พื้นที่รวม 54,000 ตารางเมตร
“เราเชื่อมั่นว่า TREIT จะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเนื่องจากทรัพย์สินที่ลงทุนมีคุณภาพสูงสามารถรับรู้รายได้ตั้งแต่วันแรกจากผู้เช่าที่เต็มทุกคลังสินค้าและโรงงานนอกจากนี้ ผู้เช่าส่วนใหญ่ยังเป็นบริษัทชั้นนำสัญชาติญี่ปุ่นที่ประกอบธุรกิจในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์และอุปโภคบริโภคซึ่งมีความมั่นคงทางรายได้รวมทั้งยังมีโอกาสเติบโตจากการนำสินทรัพย์ใหม่ๆ เข้ามาในกอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีกลุ่มบริษัทมิตซุยซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำของโลกเข้ามาถือหน่วยทรัสต์ด้วยนั้นจะช่วยเปิดโอกาสให้ TREIT สามารถเติบโตอย่างมีศักยภาพไปพร้อมกับการเปิด AEC ในปีหน้า” นายอมรกล่าว