กรุงเทพฯ--8 ธ.ค.--FleishmanHillard
เพิ่มความสามารถให้พนักงานองค์กรทำงานแบบเคลื่อนที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริการลูกค้าได้รวดเร็วยิ่งขึ้น พร้อมลดค่าใช้จ่ายด้านปฎิบัติการได้ถึง 6 ล้านบาทต่อปี
โซลูชั่นของวีเอ็มแวร์ช่วยให้การปรับโครงสร้างด้านไอทีสำหรับการวางแผนต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) สำหรับองค์กรเป็นเรื่องง่ายและเสียค่าใช้จ่ายน้อยลง
บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) นำโดย นายชาติชัย เลิศบรรธนาวงศ์ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ขวา) ประกาศความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ บริษัท วีเอ็มแวร์ จำกัด นำโดย ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน (ซ้าย) ในการปฏิวัติโครงสร้างไอที ใช้ซอฟต์แวร์เพิ่มประสิทธิภาพงานบริการลูกค้า ที่บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) อาคาร สาทร สแควร์ เมื่อเร็วๆ นี้
บริษัท อีซี่ บาย จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้นำธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของไทย ผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่อรายย่อย ได้แก่ สินเชื่อหมุนเวียนผ่านบัตรกดเงินสดยูเมะ พลัส, บัตรยูเมะ พลัส พรีเมียร์ และสินเชื่อผ่อนชำระ อีซี่บาย ประกาศแผนเชิงรุกในการปรับปรุงโครงสร้างด้านไอทีสู่การใช้เทคโนโลยี “ซอฟต์แวร์-ดีฟาย” หรือการควบคุมการจัดการศูนย์ข้อมูลด้วยซอฟต์แวร์อย่างเต็มรูปแบบ โดยทำงานร่วมกับ บริษัท วีเอ็มแวร์ (NYSE: VMW) ผู้นำระดับโลกด้านเวอร์ช่วลไลเซชั่นโซลูชั่น ในการใช้เทคโนโลยีคลาวด์เพิ่มความสามารถให้พนักงานองค์กรสามารถทำงานแบบเคลื่อนที่และให้บริการลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ การปรับปรุงโครงสร้างด้านไอทีโดยใช้เทคโนโลยี “ซอฟต์แวร์-ดีฟาย” ช่วยให้บุคลากรในองค์กรของ อีซี่บาย ทำงานได้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสอดรับกับธุรกิจที่เติบโตขึ้น โดยเสียค่าใช้จ่ายด้านไอทีน้อยลง
“การบริการลูกค้า” ถือเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจของอีซี่บาย ปัจจุบันจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการอีซี่บาย มีจำนวนมากกว่า 1.45 ล้านคนต่อปี การให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่องโดยลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการได้ทุกที่ทุกเวลาจึงมีความสำคัญสำหรับองค์กรเป็นอย่างมาก แต่ด้วยการบริหารโครงสร้างไอทีรูปแบบเก่าที่ทีมไอที ของอีซี่บาย ต้องบริหารเซิร์ฟเวอร์ด้วยตนเองทีละตัว จึงทำให้ต้นทุนด้านการบริหารจัดการไอทีค่อนข้างสูงและการตัดสินใจในการจัดการด้านไอทีส่วนใหญ่จะขึ้นกับบุคลากรจึงก่อให้เกิดโอกาสในการผิดพลาดสูง การเปลี่ยนมาใช้ “ซอฟต์แวร์” ในการบริหารจัดการจึงเป็นวิธีที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้ทำได้อย่างอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาด้านไอที และทำให้การบริการลูกค้ามีประสิทธิภาพมากขึ้น
ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ ผู้จัดการประจำประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน บริษัท วีเอ็มแวร์ จำกัด กล่าว “ในยุคโมบิลิตี้(Mobility) หรือยุคที่พนักงานในองค์กรทำงานแบบเคลื่อนที่มากขึ้น เราจะเห็นได้ว่าสถาบันด้านการเงินชั้นนำของโลกได้หันมาให้ความสำคัญมากขึ้นกับการใช้งานเทคโนโลยีคลาวด์(Cloud) เพื่อเพิ่มความคล่องตัวให้กับธุรกิจ จัดการข้อมูลแบบเรียลไทม์(Real Time) และเพิ่มความสามารถให้พนักงานองค์กรในการใช้งานแอพพลิเคชั่นขององค์กรผ่านดีไวซ์อะไรก็ได้แม้ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ ทำให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ในวันนี้ วีเอ็มแวร์ จึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในการเป็นพันธมิตรกับอีซี่บาย เราพร้อมที่จะร่วมปฏิวัติระบบไอทีของอีซี่บาย สู่การให้บริการด้านไอทีแบบ IT-as-a-Service อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจมีประสิทธิภาพและมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม”
คุณชาติชัย เลิศบรรธนาวงศ์ กรรมการและรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อีซี่บาย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ที่ผ่านมาอีซี่บายต้องการเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมที่จะช่วยให้พนักงานกว่า 2,500 คน ซึ่งประกอบด้วยพนักงาน Call Center และพนักงานที่ออกไปติดต่อลูกค้าที่มีลักษณะการทำงานแบบ Inbound-Outbound และทีมงานไอที กว่า 80 คน สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพนักงานสามารถทำงานได้ทุกที่ทุกเวลาแม้ไม่ได้อยู่ในออฟฟิศ มีความสะดวกและรวดเร็วในการติดต่อและให้บริการลูกค้า ด้วยเหตุนี้เอง เทคโนโลยีคลาวด์, เวอร์ช่วลไลเซชั่น และโมบิลิตี้ จึงเป็นเทคโนโลยีหลักที่อีซี่บาย มองหา”
โดยแต่ละปีอีซี่บาย วางงบประมาณด้านไอทีไว้ราว 10% ของรายได้เพื่อบริหารจัดการระบบเดิมรวมถึงการลงทุนในนวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อเสริมศักยภาพการบริการ พัฒนาความสะดวกสบายให้ผู้ปฏิบัติงาน ปัจจุบันอีซี่บายมีศูนย์ข้อมูลอยู่ 3 แห่งได้แก่ กรุงเทพฯ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดระยอง
ขับเคลื่อนงานบริการลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพด้วยเทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์จากเทรนด์ที่โดดเด่นในโลกของการทำงานที่พนักงานนำอุปกรณ์ไอทีส่วนตัวมาใช้ที่ทำงานในองค์กรมากขึ้น หรือที่เรียกว่า ‘Bring Your Own Device’ (BYOD) นั้น อีซี่บายต้องการให้พนักงานสามารถทำงานแบบเคลื่อนที่เข้าถึงแอพพลิเคชั่นต่างๆ ของออฟฟิศได้อย่างคล่องตัวมากขึ้นผ่านอุปกรณ์ไอทีของตนเอง จึงลงทุนติดตั้งโซลูชั่น VMware® Horizon™ Enterprise Edition หรือการทำเดสก์ท็อป เวอร์ช่วลไลเซชั่น จำนวน 1,900 ไลเซ่นส์(License) จำนวน 4 แห่ง ได้แก่ ตึกสาทรสแควร์ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ย่านใจกลางเมือง ตึกเมืองไทยภัทรย่านรัชดาภิเษก และอีก 2 แห่งที่จังหวัดนครราชสีมาและระยอง
ด้วยความสามารถของของเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่น ทำให้อีซี่บายสามารถใช้เทคโนโลยี ซอฟต์โฟน (Soft Phone) หรือ โทรศัพท์เสมือนที่ทำงานบนคลาวด์แทนที่การใช้งานโทรศัพท์ดิจิตอลปกติที่มีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้พนักงานใช้งานโทรศัพท์ได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่ล็อคอินเข้าใช้งานบนเว็บบราวเซอร์ใดก็ได้ ไม่ต้องรอไอทีช่วยติดตั้งระบบใหม่เมื่อมีปัญหาจึงทำให้งานบริการลูกค้าเป็นไปได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ผู้บริหารยังสามารถล็อคอินเข้าเดสก์ท็อปในองค์กรได้อย่างสะดวกสบายแม้อยู่นอกออฟฟิศ
นอกจากนี้อีซี่บายยังเลือกใช้ VMware vCloud® Suite Enterprise ของวีเอ็มแวร์ ซึ่งเพิ่งเซ็นสัญญากับวีเอ็มแวร์ในปีนี้ พร้อมตั้งเป้าทำให้งานไอทีของอีซี่บายเป็นรูปแบบ IT-as-a-Service โดยพนักงานสามารถใช้บริการด้านไอทีด้วยตนเอง
การวางแผนจัดการธุรกิจเพื่อให้ทำงานอย่างต่อเนื่อง(Business Continuity Plan: BCP) เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่มีความสำคัญต่อการดำเนินธุรกิจของอีซี่บายเนื่องจากปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วมและปัญหาความไม่มั่นคงการเมืองล้วนส่งผลกระทบทำให้พนักงานไม่สามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องและสามารถส่งผลทำให้ธุรกิจหยุดชะงักได้ โดยในปีนี้ อีซี่บายได้ลองทดสอบแผน BCP และใช้เวลาเพียง 1.16 ชั่วโมงในการย้ายพนักงานจากออฟฟิศหนึ่งไปยังอีกออฟฟิศหนึ่งได้โดยระบบการทำงานไม่ติดขัด
“ตอนนี้เรามั่นใจในศักยภาพในการการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีปัญหาจากปัจจัยภายนอกมารบกวนเหมือนแต่ก่อน แต่ด้วยเทคโนโลยีเวอร์ช่วลไลเซชั่นช่วยให้สามารถย้ายเครื่องเวอร์ช่วล แมชชีน จากเซิร์ฟเวอร์ที่มีปัญหาไปยังอีกเครื่องที่ไม่มีปัญหาโดยไม่รบกวนผู้ใช้งาน ปัญหาเรื่องดาวไทม์จึงลดลง เพราะศูนย์ข้อมูลสำรองพร้อมให้พนักงานสามารถทำงานได้ทันทีที่ย้ายไปยังออฟฟิศอีกที่หนึ่ง โดยไม่ต้องเสียเวลาในการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานในองค์กรใหม่” คุณชาติชัย กล่าว
การทำเวอร์ช่วลไลเซชั่นบนโครงสร้างไอที ทำให้ลูกค้าของ อีซี่บาย มีความพึงพอใจในการบริการจากการบริการลูกค้าที่รวดเร็วขึ้นโดยสามารถอนุมัติสินเชื่อได้ภายในเวลา 30 นาที และองค์กรยังสามารถลดค่าไฟได้ถึงปีละ 6 ล้านบาท เพราะใช้ไฟจากสายแลนอินเตอร์เน็ต จึงไม่เกิดค่าไฟจากพีซี นอกจากนี้องค์กรยังสามารถลดค่าฮาร์ดแวร์อย่าง เครื่องโทรศัพท์ดิจิตอล (Hard phone) ที่สนนราคาเกือบ 10 ล้าน หากต้องจัดซื้อสำหรับพนักงานทุกคน ที่สำคัญทำให้พนักงานไอทีบริหารงานได้อย่างรวมศูนย์มากขึ้นเพราะการทำเวอร์ช่วลไลเซชั่น ทำให้ไอทีสามารถจัดเตรียมซอฟต์แวร์ที่พนักงานต้องการใช้ได้ในรูปแบบการบริการ การใช้งานไอทีจึงเป็นไปโดยอัตโนมัติ ลดการพึ่งพาไอทีที่มีจำนวบุคลากรจำกัด
“เหตุผลหลักที่เราเลือกใช้เทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์ เพราะวีเอ็มแวร์มีโซลูชั่นที่เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรเราในทุกๆ ด้าน เพราะนอกจากจะง่ายต่อการติดตั้งและใช้งาน ยังสามารถเชื่อมต่อกับโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่แล้วได้อย่างราบรื่น จึงเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานให้กับพนักงานในคอลเซ็นเตอร์ที่มีกว่า 1,600 คน ทำให้การทำงานควบคุมจากส่วนกลางได้ง่ายมากขึ้นและลดความยุ่งยากในการบริหารจัดการ” คุณชาติชัย กล่าวเพิ่มเติม
อีซี่บาย พร้อมก้าวสู่การเป็น ซอฟต์แวร์-ดีฟาย เอ็นเตอร์ไพรซ์ ชั้นนำของไทย
ปัจจุบันอีซี่บายกำลังวางแผนที่จะเวอร์ช่วลไลซ์ เดสก์ท็อป ให้ครบในทุกสาขาย่อยและสนใจที่จะใช้งานโซลูชั่น แอร์ ว็อช (Air Watch) เพื่อให้องค์กรสามารถกำหนดสิทธ์ของพนักงานระดับปฏิบัติการ ในการใช้งาน ซอฟต์โฟน หรือแอพพลิเคชั่นอื่นๆ ของบริษัทฯ บนดีไวซ์ส่วนตัว (personal device) ของพนักงานนอกองค์กร ในขณะที่องค์กรสามารถควบคุมเรื่องความปลอดภัยของข้อมูลได้ รวมถึงโซลูชั่น Socialcast ซึ่งเป็นโซเชียลเน็ตเวิร์กแพลตฟอร์มสำหรับองค์กรซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้งาน
“อีซี่บายกำลังเตรียมติดตั้งเวอร์ช่วล เดสก์ท็อป ที่สาขาย่อยอีกกว่า 90 สาขา สำหรับ 500 คน ให้ครบ 2,400 ไลเซ่นส์ ภายในปีหน้า โดยเราตั้งเป้าหมายในการติดตั้ง เวอร์ช่วล สตอเรจ เพื่อพัฒนาองค์กรให้เป็นซอฟต์แวร์-ดีฟาย เอ็นเตอร์ไพรซ์ ชั้นนำอย่างสมบูรณ์แบบที่เวอร์ช่วลไลซ์ทุกส่วนในศูนย์ข้อมูลไม่ว่าจะเป็น สตอเรจ เน็ตเวิร์ก และเซิร์ฟเวอร์” คุณชาติชัย กล่าวทิ้งท้าย
เทคโนโลยีของวีเอ็มแวร์ ที่ อีซี่บาย ใช้ประกอบไปด้วย server virtualization, vCloud® Suite Enterprise (ประกอบด้วย vSphere Enterprise Plus, vRealize Automation, vRealize Operations Enterprise, vCenter Site Recovery Manager) NSX, vRealize LogInsight, vRealize Business และ Horizon Enterprise.