กรุงเทพฯ--11 ธ.ค.--เดอะเวย์ คอมมิวนิเคชั่น
4 พันธมิตร พีทีจี- กลุ่มบ.ท่าฉางอุตสาหกรรม- โอพีจีเทค และ อาร์แอนด์ดีผู้นำที่คร่ำหวอดธุรกิจปาล์มน้ำมันต้นน้ำ-ปลายน้ำ ร่วมลงทุนสร้างโครงการ “ปาล์ม คอมเพล็กซ์” ครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทย ทุ่มเงินลงทุนโครงการฯ 4,800 ล้านบาท คาดเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ต้นปี 2558 และคาดว่าแล้วเสร็จในปี 2560 พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันระดับประเทศและระดับภูมิภาค
นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัท พีทีจี เอ็นเนอยี จำกัด (มหาชน) หรือ PTG เปิดเผยว่า พีทีจี ได้ร่วมลงนามกับพันธมิตรจำนวน 3 ราย ซึ่งได้แก่ กลุ่มบริษัท ท่าฉางอุตสาหกรรม หรือ ทีซีจี (TCG) บริษัท โอพีจีเทค จำกัด และ บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด เพื่อจัดตั้งบริษัทขึ้นมาดำเนินธุรกิจในโครงการอุตสาหกรรมปาล์ม คอมเพล็กซ์(Palm Complex) ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจผลิตปาล์มน้ำมันครบวงจรแห่งแรกของประเทศไทยที่ทันสมัยที่สุดโดยมูลค่าการลงทุนทั้งหมดในโครงการรวมทั้งหมดประมาณ 4,800 ล้านบาท
“ทั้งนี้ โครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์นั้น เป็นโครงการร่วมทุนที่พันธมิตรทุกฝ่ายเล็งเห็นถึงความสำคัญของอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมัน ซึ่งถือเป็นอุตสาหกรรมที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยโครงการดังกล่าวจะดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลผลิตจากอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันครบวงจร ประกอบด้วยหน่วยผลิตต่างๆ ตั้งแต่ สวนปาล์ม โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม โรงผลิตไบโอดีเซล โรงแยกไข โรงบรรจุน้ำมันปาล์มเพื่อบริโภค แหล่งกำเนิดพลังงานและไอน้ำ คลังเก็บน้ำมัน และสาธารณูปโภคพื้นฐาน บนพื้นที่ประมาณ 1,000 ไร่ อำเภอบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์” นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวว่า สำหรับโครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์ ถือเป็นโครงการอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันครบวงจรแห่งแรกในประเทศไทย ซึ่งเริ่มตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ คือ เริ่มจากสวนปาล์ม สู่โรงงานอุตสาหกรรม กระบวนการผลิต และสู่กระบวนการจัดจำหน่าย ซึ่งแบ่งเป็นสัดส่วนลงทุน ได้แก่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี 35% กลุ่มบริษัทท่าฉางอุตสาหกรรม 45% บริษัท โอพีจีเทค จำกัด10 % และบริษัทอาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด 10% นายพิทักษ์กล่าว
นายพิทักษ์ กล่าวต่อว่า กลุ่มพันธมิตรต่างเห็นพ้องตรงกันในการที่จะสร้างโรงงานผลิตภัณฑ์ปาล์มน้ำมันอย่างครบวงจร โดยมีแผนการลงทุนที่ครอบคลุมไปเพื่อรองรับการขยายเฟส 2 ด้วย ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าของผลผลิตปาล์มเพิ่มมากยิ่งขึ้น พร้อมมุ่งมั่นที่จะก้าวสู่ผู้นำอุตสาหกรรมปาล์มน้ำมันระดับประเทศและระดับภูมิภาคในอนาคต โดยคาดว่าโครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์นั้น สามารถเริ่มดำเนินการได้ในปี 2558 และจะแล้วเสร็จในปี 2560 ในขณะที่โรงบรรจุน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคนั้น มีความสามารถในการผลิตประมาณ 200 ตันต่อวัน และโรงผลิตไบโอดีเซลมีกำลังการผลิตสูงสุดได้ถึง 4 แสน 5 หมื่นลิตรต่อวัน
นายพงศ์นเรศ วนสุวรรณกุล กรรมการผู้จัดการ กลุ่มบริษัทท่าฉางอุตสาหกรรม หรือ ทีซีจี ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และผู้มีประสบการณ์ในธุรกิจด้านโรงสกัดน้ำมันปาล์มมายาวนานกล่าวว่านับเป็นสิ่งที่ดีที่มีการรวมกลุ่มสำหรับผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มและที่เกี่ยวข้อง จัดตั้งโครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์ โดยเชื่อว่าการรวมตัวของพันธมิตรเหล่านี้จะช่วยให้ทุกฝ่ายได้รับผลดีโดยเฉพาะในเรื่องของต้นทุนการผลิตที่ต่ำเนื่องจากโครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์ที่เป็นศูนย์รวมของธุรกิจปาล์มน้ำมันตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำครอบคลุมทั้งหมดและประเมินว่าจะสามารถยกระดับอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มให้ทัดเทียมกับในภูมิภาคและในตลาดโลกได้
นายเศรษฐ์ฐ พัฒนมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โอพีจีเทค จำกัด ในฐานะที่บริษัทมีประสบการณ์ในการผลิต (กลั่น) และจำหน่ายน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคและจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบให้กับธุรกิจไบโอดีเซล ทำให้การมาจับมือกับพันธมิตรทั้งหมดที่มีจุดแข็ง จุดเด่นที่แตกต่างกัน ถือว่าเป็นการผนึกกำลังที่สำคัญในการจัดตั้งโครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์โดยเชื่อว่าจะเป็นการสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศไทยที่เป็นการยกระดับขึ้นเป็นหนึ่งในผู้นำในภูมิภาค
นางสาวภัคจิรา รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาร์แอนด์ดี เกษตรพัฒนา จำกัด ในฐานะผู้มีประสบการณ์ด้านธุรกิจจัดหาเมล็ดพันธุ์และเพาะกล้าปาล์ม กล่าวว่า นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่มีผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องในธุรกิจน้ำมันปาล์มในแต่ละด้านมารวมกันจัดตั้งปาล์ม คอมเพล็กซ์ โดยเชื่อว่าในระยะยาวจะทำให้อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและรองรับกับทุกภาคส่วนไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร ผู้ปลูกปาล์ม ผู้ผลิตน้ำมันปาล์มทั้งโรงสกัดและโรงกลั่นหรือผู้นำไปใช้ต่อยอดในอุตสาหกรรมพลังงานและผู้บริโภคที่ใช้น้ำมันปาล์มโดยรวมถือว่าทุกฝ่ายได้รับประโยชน์ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีสำหรับประเทศไทยด้วย
นางศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินโครงการ ปาล์ม คอมเพล็กซ์ แห่งแรกที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย กล่าวว่า การรวมของพันธมิตรทั้ง 4 บริษัทจัดตั้งโครงการปาล์ม คอมเพล็กซ์ถือว่าในแต่ละบริษัทไม่ว่าจะเป็น พีทีจี ที่มีจำนวนสถานีบริการน้ำมันที่เจริญเติบโต อย่างต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มบริษัทท่าฉางอุตสาหกรรม ก็ถือว่าเป็นผู้นำในธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มของประเทศ มีประสบการณ์สะสมด้านธุรกิจสกัดน้ำมันปาล์มมาอย่างยาวนาน
“นอกจากนั้นในส่วนของ โอพีจีเทค ก็ถือว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ด้านการตลาดในการขายน้ำมันปาล์มรวมถึงยังมีความเชี่ยวชาญด้านโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเพื่อการอุปโภคและบริโภคด้วยรวมถึงยังมีพาทเนอร์ต้นน้ำคือบริษัท อาร์แอนด์ดี ที่มีความรู้เรื่องเมล็ดพันธุ์และกล้าปาล์มซึ่งถือว่ามีความสำคัญในการพัฒนา ให้ผลผลิตปาล์มโดยรวมของประเทศในอนาคต ที่จะส่งผลต่อความมั่นคงทางด้านพลังงานและการบริโภคอุปโภคที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมันปาล์มของประเทศและยังเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มของประเทศให้ก้าวขึ้นสู่ระดับภูมิภาคด้วย” นางศรัณยา กล่าว