กรุงเทพฯ--12 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
ฟิทช์ เรทติ้งส์ ประกาศคงอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากล (International Insurer Financial Strength (IFS)) และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศ (National IFS) ของบริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL ที่ ‘A-’ และ ‘AAA(tha)’ ตามลำดับ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ
ปัจจัยสนับสนุนอันดับเครดิต
อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศของ MTL สะท้อนถึงระดับเงินกองทุนที่มั่นคง ความสามารถในการทำกำไรที่ดีอย่างต่อเนื่อง ส่วนแบ่งทางการตลาดในอุตสาหกรรมและเครือข่ายธุรกิจ (franchise) ในประเทศของบริษัทที่แข็งแกร่ง
สัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (Risk-based capital – RBC) ของ MTL ปรับตัวแข็งแกร่งขึ้นเป็น 477% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2557 (จาก 460% ณ สิ้นไตรมาส 3 ของปี 2556) ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมและอยู่ในระดับที่สูงกว่าระดับขั้นต่ำตามเกณฑ์ที่ 140% MTL ไม่มีหนี้สินจากการกู้ยืม ฟิทช์ เชื่อว่า MTL จะสามารถรับมือกับกฎระเบียบที่เรื่องการเพิ่มระดับเงินกองทุนซึ่งจะมีการบังคับใช้ในอนาคต เนื่องจากบริษัทมีระดับเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง และมีการบริหารเงินกองทุนอย่างระมัดระวัง
MTL เป็นบริษัทประกันชีวิตที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศไทยในด้านเบี้ยประกันภัยรับรวม โดยมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 15.4% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 (14.0% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2556) ฟิทช์ เชื่อว่าบริษัทยังคงสามารถลดช่องว่างในส่วนแบ่งทางการตลาดระหว่าง MTL และ บริษัท เอไอเอ ประเทศไทย (ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดที่ 21.6% ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557) ต่อไปได้อีกในอนาคต โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่องทางการจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคาร (bancassurance) และเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของบริษัท
บริษัทยังคงมีความสามารถในการทำกำไรในระดับที่ดี โดยมีอัตราส่วนกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์ที่ 4.2% ในครึ่งปีแรกของปี 2557 ซึ่งอยู่ในระดับเดียวกับครึ่งปีแรกของปี 2556 เนื่องจากบริษัทมีนโยบายการกำหนดราคาที่เหมาะสม และมีผลิตภัณฑ์และช่องทางการจัดจำหน่ายที่ค่อนข้างหลากหลาย MTL ได้รับประโยชน์จากการที่มี ธนาคารกสิกรไทย จำกัด หรือ KBANK (มีอันดับเครดิตสากลสกุลเงินต่างประเทศระยะยาว (IDR) ที่ ‘BBB+’/ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท และเป็นตัวแทนขายประกันของ MTL ผ่านเครือข่ายสาขาธนาคารแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งส่งผลให้บริษัทมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เบี้ยประกันรับรวมของบริษัทเติบโต 26.6%ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 (เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) โดย 71.6% ของเบี้ยประกันดังกล่าวจัดจำหน่ายผ่านเครือข่ายสาขาของธนาคาร
พอร์ทลงทุนของ MTL ยังคงมีระดับความเสี่ยงที่ต่ำ โดยส่วนใหญ่ประกอบไปด้วยตราสารหนี้ที่อยู่ในระดับที่สามารถลงทุนได้ (investment grade) ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 85% ของพอร์ทลงทุนรวม ในขณะที่บริษัทมีสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงในระดับต่ำที่ประมาณ 10% ของพอร์ทลงทุนรวม ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2557 ฟิทช์เชื่อว่า MTL จะไม่เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากบริษัทมีนโยบายการลงทุนอย่างระมัดระวัง และกฎระเบียบข้อบังคับในอนาคตที่จะต้องดำรงเงินกองทุนเพิ่มขึ้น (higher risk charges) ในการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยที่อาจมีผลให้อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลและภายในประเทศถูกปรับลดอันดับ ได้แก่ การปรับตัวอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญของสถานะเงินกองทุนของบริษัท โดยสัดส่วนเงินกองทุนต่อเงินกองทุนที่ต้องดำรงตามกฎหมาย (RBC) ลดลงต่ำกว่า 250% เป็นระยะเวลาต่อเนื่อง และการปรับตัวแย่ลงของความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนได้จากอัตราส่วนของกำไรก่อนภาษีเงินได้ต่อสินทรัพย์ที่ต่ำกว่า 1% นอกจากนี้หากอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาว (Long-Term Local Currency IDR) ของประเทศไทยที่ ‘A-’/แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ ถูกปรับลดอันดับ อันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของ MTL ก็น่าจะถูกปรับลดอันดับเช่นกัน
การปรับขึ้นอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินของ MTL ไม่น่าจะเกิดขึ้นในระยะสั้น เนื่องจากอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินสากลของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตสากลสกุลเงินในประเทศระยะยาวของประเทศไทย และอันดับความแข็งแกร่งทางการเงินภายในประเทศปัจจุบันก็เป็นอันดับเครดิตที่สูงที่สุดแล้ว