กรุงเทพฯ--16 ธ.ค.--ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป
ทิสโก้ เวลธ์ แนะใช้โอกาสตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐาน เป็นโอกาสในการซื้อหุ้นหรือลงทุนในกองทุน RMF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ ยกญี่ปุ่นน่าลงทุนสุด หลังได้รับผลบวกจากการชนะการเลือกตั้งของพรรค LDP ของนายอาเบะ ด้านตลาดหุ้นไทยปรับฐานแรงเหมาะเข้าลงทุน LTF ช่วงโค้งสุดท้ายของปี
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ทิสโก้ เวลธ์ (Mr.Komsorn Prakobphol, Head of Strategy Unit, TISCO Wealth) เปิดเผยว่า ทิสโก้ เวลธ์ (TISCO Wealth) แนะนำกลยุทธ์การลงทุนหลังราคาน้ำมันโลกมีการปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง ว่า ให้ใช้จังหวะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกมีการปรับฐาน ซึ่งเป็นผลมาจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันดิบโลกและความเสี่ยงทางการเมืองในกรีซ เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศหรือลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ที่นำเงินไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ
โดยตลาดหุ้นต่างประเทศที่แนะนำลงทุนในขณะนี้ นำโดย ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ซึ่งจะได้รับผลบวกจากผลการเลือกตั้งสภาผู้แทนฯ ของญี่ปุ่น ซึ่งผลการเลือกตั้งชี้ว่าพรรค LDP ของนายอาเบะ จะยังคงได้ครองเสียงส่วนใหญ่ในสภา และตอกย้ำถึงเสียงสนับสนุนของประชาชนที่มีต่อนโยบาย Abenomics โดยเชื่อว่าผลการเลือกตั้งจะทำให้เงินเยนกลับมาอ่อนค่า และตลาดหุ้นญี่ปุ่นกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ ดังนั้นตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังเป็น Top Pick ของการลงทุน เนื่องจากการเติบโตของกำไรที่ชัดเจน Valuation ของตลาดที่ยังน่าสนใจที่สุดในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว
นอกจากนี้ทิสโก้ เวลธ์ ยังคงคำแนะนำ Overweight ในตลาดหุ้นกลุ่มเอเชียเหนือ ที่จะได้รับประโยชน์จากการส่งออกที่ฟื้นตัวขึ้นเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก และต้นทุนการนำเข้าที่ลดลงจากการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกอีกด้วย
ส่วนตลาดหุ้นไทยที่ดัชนีมีการปรับฐานลงมาค่อนข้างแรงนั้น ถือว่าเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับตลาดโลก ดังนั้น จึงเป็นโอกาสเหมาะในการเข้าลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกด้วย เพื่อเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนให้แก่การลงทุน พร้อมได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษี
“การที่ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับฐานลงมาค่อนข้างแรงนั้นเป็นผลมาจากราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลงมาแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปี ซึ่งเรามองว่าการปรับฐานครั้งนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสมในการเข้าลงทุนในกองทุน RMF ที่มีนโยบายลงทุนในตลาดต่างประเทศ และ LTF ที่ลงทุนมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทย เพราะจะช่วยในเรื่องของการประหยัดภาษี รวมถึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการรับผลตอบแทนจากการลงทุน จากการลงทุนในช่วงที่ราคาหุ้นถูก อีกทั้งยังเป็นการกระจายความเสี่ยงของการลงทุนได้เป็นอย่างดีอีกด้วย” นายคมศร กล่าว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บลจ.ทิสโก้ ได้เปิดเสนอขายกองทุน RMF และ LTF ที่มีนโยบายลงทุนที่หลากหลาย เพื่อเป็นทางเลือกแก่นักลงทุน โดยกองทุน RMF อาทิ “กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น “กองทุนเปิด ทิสโก้ เอเชีย แปซิฟิก เอ็กซ์ เจแปน เพื่อการเลี้ยงชีพ” ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นเอเชีย แปซิฟิก (ยกเว้นญี่ปุ่น) และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ Mid/Small Cap อิควิตี้ เพื่อการเลี้ยงชีพ” ซึ่งมีนโยบายลงทุนในตลาดหุ้นไทย เป็นต้น ด้านกองทุน LTF ประกอบด้วย “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาว” และ “กองทุนเปิด ทิสโก้ หุ้นระยะยาวปันผล”
สำหรับผู้ลงทุนที่สนใจสามารถศึกษาข้อมูลของกองทุนต่าง ๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.tiscoasset.com หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ บลจ. ทิสโก้ หรือ ธนาคารทิสโก้ทุกสาขา หรือTISCO Contact Center โทร.02-633-6000กด4
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและคู่มือภาษีก่อนการตัดสินใจลงทุน
เนื่องจากกองทุนที่ลงทุนในต่างประเทศไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
ผู้ลงทุนอาจขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน หรือได้รับเงินต้นคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้