กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--IR network
บมจ.ยูเรกา ดีไซน์ (EUREKA) เปิดแผนปี”58 พร้อมกลับมาเทิร์นอะราวด์เต็มสูบ ประกาศเดินหน้าบุกตลาดต่างประเทศ หวังเพิ่มฐานรายได้-กระจายความเสี่ยง ลดการพึ่งพิงเฉพาะตลาดภายในประเทศ ตั้ง 2 บริษัทย่อย รุกงานออกแบบและผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ-จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือ ผลักดันผลการดำเนินงานในอนาคตเติบโตอย่างยั่งยืน ตั้งเป้ารายได้แตะ 800 ล้านบาท
นายนรากร ราชพลสิทธิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ยูเรกา ดีไซน์ จำกัด (มหาชน) (EUREKA) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 2558 คาดว่าจะกลับมาเทิร์นอะราวด์ โดยตั้งเป้ารายได้รวมที่ 800 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการปรับแผนกลยุทธ์ทางธุรกิจ ลดการพึ่งพาตลาดในประเทศ และกระจายฐานรายได้สู่ตลาดต่างประเทศให้มากยิ่งขึ้น โดยตั้งเป้าสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 25% จากปีนี้ที่คาดมีสัดส่วน 2% ของรายได้รวม
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมา 2 บริษัท คือ บริษัท ยูเรกา ออโตเมชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจออกแบบและผลิตเครื่องจักรระบบอัตโนมัติ โดย EUREKA ถือหุ้น 59.99% และบริษัท ยูเรกา เทรดดิ้ง จำกัด ดำเนินธุรกิจค้าปลีก เพื่อจัดหา จำหน่ายอุปกรณ์เครื่องมือ โดย EUREKA ถือหุ้น 79.99% เพื่อเพิ่มช่องทางการหารายได้ และกระจายฐานรายได้ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต
ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติให้บริษัท ยูเรกา ออโตเมชั่น จำกัด เข้าซื้อหุ้นสามัญ ของบริษัท สยาม พาร์ท ฟีดเดอร์ (2008) จำกัด จำนวน 200,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท คิดเป็นสัดส่วน 100% ของจำนวนหุ้นที่ชาระแล้ว โดยบริษัทย่อยจะชำะราคาเป็นเงินสดทั้งสิ้นจำนวน 16,000,000 บาท ทั้งนี้ คาดว่าจะเข้าทำรายการให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเพื่อเพิ่มศักยภาพ และขยายช่องทางธุรกิจของบริษัท ซึ่งจะเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้นในระยะยาว โดยบริษัท สยาม พาร์ท ฟีดเดอร์ (2008) จำกัด ประกอบธุรกิจออกแบบและผลิต จำหน่าย เครื่องป้อนชิ้นงานเข้าเครื่องจักรเป็นระบบอัตโนมัติ
โดยตั้งเป้าในปี 2558 บริษัท ยูเรกา ออโตเมชั่น จำกัด จะมีรายได้ประมาณ 70 ล้านบาท และตั้งเป้าบริษัท ยูเรกา เทรดดิ้ง จำกัด จะมีรายได้ประมาณ 50 ล้านบาท
นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติแบ่งแยกมูลค่าที่ตราไว้ (split par) จากเดิม 0.50 บาทต่อหุ้นเป็น 0.25 บาทต่อหุ้น เพื่อเพิ่มสภาพคล่องการซื้อขายหลักทรัพย์ และขอเปลี่ยนแปลงชื่อย่อหลักทรัพย์ จากเดิม EUREKA เป็น UREKA
ขณะเดียวกันยังอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัทอีกจำนวน 78,625,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 314,500,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.25 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 85,000,000 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่เป็นจำนวน 163,625,000 บาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 654,500,000 หุ้น
ทั้งนี้ ได้จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 85,000,000 หุ้น เพื่อเสนอขายในคราวเดียวกันหรือต่างคราวกันให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน ในอัตรา 4 หุ้นเดิมได้ 1 หุ้นใหม่ ราคาจองซื้อ 1.15 บาท จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 212,500,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นที่ออกใหม่ ที่เสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิฟรี อายุ 2 ปี ราคาการใช้สิทธิเท่ากับหุ้นละ 0.50 บาท และสุดท้ายจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 17,000,000 หุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิ์ใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่บริษัทจะแจกฟรีให้แก่พนักงานของบริษัท และ/หรือ บริษัทย่อย ภายใต้โครงการการเสนอขายหลักทรัพย์ให้แก่พนักงานของบริษัท และ/หรือ บริษัทย่อย (ESOP Scheme) โดยไม่มีราคาเสนอขาย อายุไม่เกิน 3 ปี อัตราการใช้สิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย ต่อหุ้นสามัญ 1 หุ้น ราคาการใช้สิทธิเท่ากับหุ้นละ 1.50 บาท
พร้อมกันนี้ ได้อนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนในบริษัท ยูเรกา ดีไซน์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (บริษัทย่อย) จำนวน 1,200,000 หุ้น มูลค่าหุ้นละ 1 ดอลลาร์สิงคโปร์ (เทียบเท่าประมาณจำนวนเงิน 25 บาท) รวมเงินเพิ่มทุน 1,200,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (เทียบเท่าประมาณ 30,000,000 บาท) ซึ่งคาดว่าจะเข้าทำรายการให้แล้วเสร็จก่อนสิ้นเดือน มีนาคม 2558 โดยคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นโอกาสที่ดีที่บริษัทจะลงทุน เพื่อการขยายธุรกิจและสร้างยอดขายไปยังธุรกิจต่างประเทศ และมีศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคต ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น และส่งผลดีต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท และอนุมัติให้บริษัทสร้างอาคารโรงงานและสำนักงาน มูลค่า 35,000,000 บาท บนที่ดินของบริษัทซึ่งอยู่ภายในบริเวณเดียวกันกับอาคารโรงงานเดิม เพื่อรองรับการขยายงาน และการเติบโตของกลุ่มธุรกิจ และเป็นการสนับสนุนให้มีการสร้างยอดขายให้เพิ่มขึ้นในอนาคต
“วัตถุประสงค์ในการเพิ่มทุนดังกล่าว เพื่อเตรียมรองรับขยายธุรกิจในอนาคต สร้างโอกาสการเติบโตที่ยั่งยืนและสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้นได้ในระยะยาว โดยคาดว่าทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาเราได้ปรับกลยุทธ์และเตรียมความพร้อมรับมือ ทำให้มั่นใจว่าปีหน้าจะเป็นปีที่ดีของ EUREKA และกลับมาเทิร์นอะราวด์ได้อย่างแน่นอน” นายนรากร กล่าวในที่สุด