กรุงเทพฯ--17 ธ.ค.--บ้านพีอาร์
หลักทรัพย์บัวหลวงเผยช่วงเดือนพ.ย. 57 นักลงทุนแห่เก็งกำไร Call DW อิงหุ้น ITD-PTT-AOT แน่น เหตุได้ผลดีจากนโยบายรัฐและท่องเที่ยว พร้อมส่ง DW 14 ตัวใหม่เข้าตลาดส่งท้ายปี ดีเดย์ 18 ธ.ค.นี้
นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ภาพรวมการซื้อขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant) หรือ DW ในช่วงเดือนพ.ย.ที่ผ่านมามีปริมาณการซื้อขายลดลงจากเดือนก่อนหน้าถึง 12.9% มาอยู่ที่ 723 ล้านบาทต่อวันหรือคิดเป็น 1.4% ของปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ทั้งระบบ โดยสาเหตุหลักมาจากนักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุน หลังจากผลประกอบการของบริษัท
จดทะเบียนในไตรมาส 3 ปี 2557 ออกมาแย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ รวมถึงมาตรการควบคุมหุ้นขนาดเล็กที่เคลื่อนไหวร้อนแรงของตลาดหลักทรัพย์ฯ ทำให้นักลงทุนถือเงินสดเพื่อรอดูสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม นักลงทุนบางส่วนเข้ามาเก็งกำไรใน DW ประเภทสิทธิในการซื้อ (Call) ที่อ้างอิงกับหุ้นที่ได้รับผลดีจากนโยบายภาครัฐ เช่น หุ้นบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ (ITD) และหุ้นบริษัท ปตท. (PTT) และหุ้นที่ได้รับปัจจัยบวกจากฤดูกาลท่องเที่ยวเช่นหุ้นบริษัทการท่าอากาศยานไทย (AOT) ส่งผลให้ปริมาณการซื้อขาย DW รวมในเดือนนี้ยังคงมาจาก DW ประเภท Call เป็นหลักในสัดส่วนสูงถึง 79%
“ในช่วงกลางเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา บริษัท ดับบลิวเอชเอ จำกัด มหาชน (WHA) ได้ประกาศเจตนาเข้าซื้อหุ้นทั้งหมดของ บริษัท เหมราชพัฒนาที่ดิน จำกัด มหาชน (HEMRAJ) เพื่อเข้าควบคุมกิจการ ทำให้นักลงทุนหลายท่านที่ถือครอง DW ที่อ้างอิงกับหุ้นทั้งสองบริษัทดังกล่าวเกิดความสงสัยว่าผู้ออกฯ จะมีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญา DW เหมือนกับในกรณีที่หุ้นอ้างอิงมี corporate action ประเภทอื่น หรือไม่ เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง หลักทรัพย์บัวหลวงจึงขอเรียนชี้แจงว่า ในกรณีที่บริษัทอ้างอิงมีการควบรวมกิจการกับบริษัทอื่น แต่หุ้นของบริษัทอ้างอิงดังกล่าวยังสามารถซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ตามปกติ ผู้ออกจะไม่มีการปรับเปลี่ยนเงื่อนไขของสัญญา DW เช่น กรณีของ WHA ซื้อ HEMRAJ ในปัจจุบัน หรือ กรณีของ CPALL ซื้อ MAKRO ในอดีต ยกเว้นว่าการควบรวมกิจการทำให้หุ้นของบริษัทอ้างอิงถูกเพิกถอนออกจากตลาดหลักทรัพย์ ผู้ออก DW จะเลื่อนวันครบกำหนดอายุของ DW เป็นวันทำการซื้อขายวันสุดท้ายของหุ้นอ้างอิงและแจ้งนักลงทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์ฯ ทันที”นายบรรณรงค์ กล่าว
พร้อมกันนี้หลักทรัพย์บัวหลวงได้เตือนให้นักลงทุนที่ถือครอง DW ในหุ้นอ้างอิงที่มีการควบรวมกิจการและมีความสุ่มเสี่ยงต่อการเพิกถอนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ควรติดตามข่าวสารที่ประกาศจากตลาดหลักทรัพย์ฯ อย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันการถือ DW จนครบกำหนดอายุ เพราะเงินสดส่วนต่างที่นักลงทุนได้รับจากการใช้สิทธิจะถือว่าเป็นรายได้พึงประเมินและต้องนำไปเสียภาษีเงินได้ประจำปีต่อไป
นายบรรณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในวันที่ 18 ธ.ค. 57 นี้ หลักทรัพย์บัวหลวงยังได้ออก DW ชุดใหม่ จำนวน 14 รุ่น โดย 12 รุ่นเพื่อรองรับ DW ที่จะครบกำหนดอายุในเดือน ม.ค.นี้ โดยอ้างอิงกับหุ้นของบริษัทเอเชีย เอวิเอชั่น (AAV), บริษัทสยามโกลบอลเฮาส์ (GLOBAL), ธนาคารเกรียตินาคิน (KKP), บริษัทแอลพีเอ็น ดีเวลลอปเมนท์ (LPN), บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท (PS) และ ดัชนี SET50 และมีอีก 2 รุ่นใหม่อ้างอิงหุ้นของบริษัทรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ได้แก่ BMCL01C1503A และ BMCL01P1503A โดย DW ทั้งสองเหมาะกับนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรระยะสั้น เนื่องจาก DW ดังกล่าวมีอัตราทดอยู่ในระดับสูง โดย DW ดังกล่าวจะครบกำหนดอายุในเดือน มี.ค. 58 แต่หากนักลงทุนที่ต้องการเก็งกำไรในระยะกลางถึงยาว อาจจะเลือกลงทุนใน BMCL01C1505A และ BMCL01P1505A ซึ่งมีการซื้อขายในปัจจุบันอยู่แล้ว เนื่องจากมีการเสื่อมค่าทางเวลาที่ต่ำกว่าและมีอายุคงเหลือที่นานกว่า โดยจะหมดอายุในเดือน พ.ค. 58
“สาเหตุที่หลักทรัพย์บัวหลวงได้ออก DW อ้างอิงหุ้น BMCL เพิ่มเติมนั้นก็เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนสำหรับ
นักลงทุนที่มีความต้องการลงทุนทั้งในระยะสั้นและระยะกลาง เราคาดว่าหุ้นดังกล่าวจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนจากกระแสข่าวเรื่องสัญญาสัมปทานในการเดินรถสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย”นายบรรณรงค์ กล่าว