กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--เจซีแอนด์โค พับลิครีเลชั่นส์
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) รุกอัดฉีด SMEs โอท็อป ส่งท้ายปีต่อยอดโครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมรุกเสริมสภาพคล่องผู้ประกอบการจัดกิจกรรม “คืนความสุข ช้อปสนุก สินค้าไทย”งานออกร้านขายสินค้าราคาประหยัดรับเทศกาลปีใหม่ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นภายใต้โครงการส่งเสริมการตลาด (MarketPlace) ครั้งที่ 5 ให้แก่ลูกค้าเงินทุนหมุนเวียนฯ เพื่อเพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายและสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการSMEsในโครงการเงินทุนหมุนเวียนฯ ตลอดจนสร้างความเข้มแข็งให้แก่ผู้ประกอบการให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน โดยภายในงานจะมีสินค้าของดีของเด่นจาก 4 ภูมิภาคมาจัดจำหน่ายหลากหลายประเภทกว่า 100 ร้านค้า เช่นข้าวกล้องลืมผัวจากจังหวัดพะเยา ผ้าย้อมครามจากจังหวัดสกลนคร เครื่องประดับไข่มุกจากจังหวัดภูเก็ต ปลาทูนึ่งจากแม่กลองจังหวัดสมุทรสงครามและครกหินจากจังหวัดชลบุรี เป็นต้น สำหรับโครงการเงินทุนหมุนเวียนฯ ดำเนินงานตั้งแต่ปีงบประมาณ 2527 จนถึงปัจจุบันมีจำนวนผู้ขอกู้ยืมทั้งสิ้น 23,000 ราย หรือรวมเป็นเงินกว่า 1,700 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 47,933 คน และก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นรายละประมาณ 3,000บาทต่อเดือนหรือครอบครัวละ 10,000บาทต่อเดือนคาดว่าในปี 2558 จะมีผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 360 ราย หรือเป็นเงินช่วยเหลือกว่า 65 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 5 กลุ่มอุตสาหกรรมอย่างกระเช้าของขวัญ สินค้าเพื่อสุขภาพสินค้าสนับสนุนชุมชน (OTOP) สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ายังคงได้รับความนิยมจากประชาชน
นายอาทิตย์ วุฒิคะโร อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่ของทุกปี สินค้าขายดีที่ประชาชนนิยมซื้อนั้นยังคงเป็น กระเช้าของขวัญ สินค้าเพื่อสุขภาพสินค้าสนับสนุนชุมชน (OTOP) สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม และอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยนิยมซื้อสินค้าเหล่านี้เพื่อมอบเป็นของฝากของที่ระลึก ตลอดจนการนำไปเป็นของขวัญในวันขึ้นปีใหม่ โดยหาซื้อจากกลุ่มผู้ประกอบการ SMEsซึ่งทางกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมให้การสนับสนุนส่งเสริมอย่างต่อเนื่อง รวมถึงได้มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEsตลอดจนวิสาหกิจชุมชนให้มีศักยภาพในการเข้าสู่สนามการค้าและการลงทุนในเขตประเทศอาเซียนได้อย่างมีประสิทธิภาพนอกจากนี้ยังมีการจัดพื้นที่ให้ผู้ประกอบการทดลองนำสินค้ามาจำหน่ายเพื่อศึกษาแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคเพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ผู้บริโภค ภายใต้โครงการส่งเสริมการตลาด(MarketPlace) ให้แก่ลูกค้าเงินทุนหมุนเวียนซึ่งจัดขึ้นเป็นปีที่ 5 เพื่อเพิ่มช่องทางการตลาดและการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการเพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนและเชื่อมโยงธุรกิจจนสามารถดำเนินธุรกิจในตลาดอาเซียนได้ต่อไป
นายอาทิตย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ประกอบการที่นำสินค้ามาออกร้านจำหน่ายนั้น เป็นผู้ประกอบการที่กรมฯให้บริการช่วยเหลือด้านเงินทุนในอัตราดอกเบี้ยต่ำภายใต้โครงการเงินทุนหมุนเวียนเพื่อการส่งเสริมอาชีพอุตสาหกรรมในครอบครัวและหัตถกรรมไทยแก่ผู้ประกอบรายย่อยโดยได้ดำเนินต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2527 จนถึงปัจจุบัน มุ่งหวังให้ผู้ประกอบการซึ่งเป็นผู้รับบริการจากเงินทุนหมุนเวียนฯ จากภูมิภาคต่างๆ ทั้งภาคกลางภาคตะวันออก ภาคตะวันตก ภาคเหนือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จำนวนไม่น้อยกว่าปีละ 100 รายนำเงินทุนไปขยายและต่อยอดธุรกิจ โดยกำหนดวงเงินสินเชื่อให้
ผู้ประกอบการรายใหม่ตั้งแต่ 50,000 บาท แต่ไม่เกิน 2,000,000 บาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปีกำหนดชำระคืนภายใน 4-10 ปี ขึ้นอยู่กับวงเงินที่กู้ยืม ทั้งนี้ ผู้ประกอบการที่ต้องการกู้ยืมเงินดังกล่าวต้องมีหลักประกันทั้งด้านตัวบุคคล และหลักทรัพย์ค้ำประกัน ซึ่งโครงการดังกล่าวมีการเปลี่ยนแปลงปรับปรุงให้มีความเหมาะสมตามสภาพเศรษฐกิจมาโดยตลอดสำหรับผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลาการให้กู้ยืมมีจำนวนผู้ขอกู้ ทั้งสิ้น 23,000 ราย หรือรวมเป็นเงินกว่า 1,700 ล้านบาท ก่อให้เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 47,933 คน และก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นรายละประมาณ 3,000บาทต่อเดือน หรือครอบครัวละ 10,000บาทต่อเดือน คาดว่าในปี 2558 จะมีผู้ประกอบการ SMEs เข้าร่วมโครงการไม่ต่ำกว่า 360 รายหรือเป็นเงินช่วยเหลือกว่า 65 ล้านบาท(ข้อมูล : ส่วนบริหารเงินทุน กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม, พฤศจิกายน 2557)
นายอาทิตย์ กล่าวต่อว่าโครงการส่งเสริมการตลาด (Market Place) สำหรับผู้ประกอบการในโครงการเงินทุนหมุนเวียนฯ เป็นการเพิ่มช่องทางการตลาดและเกิดการสร้างเครือข่ายระหว่างผู้ประกอบการก่อให้เกิดแนวคิดและช่องทางใหม่ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตน อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มความเข้มแข็งให้แก่กิจการให้สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกเหนือจากให้เงินลงทุนเพียงอย่างเดียว โดยในปีนี้จัดกิจกรรมภายใต้แนวคิด “คืนความสุข ช้อปสนุก สินค้าไทย” มีผู้ประกอบการจากภูมิภาคต่างๆ ทั้ง4 ภูมิภาค ได้แก่ ภาคกลาง ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ จำนวนกว่า100 ราย ได้มีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าของดีของเด่นของแต่ละภูมิภาค อาทิ ข้าวกล้องลืมผัวจากจังหวัดพะเยา ผ้าย้อมครามจากจังหวัดสกลนคร เครื่องประดับไข่มุกจากจังหวัดภูเก็ต ปลาทูนึ่งจากแม่กลองจังหวัดสมุทรสงคราม และครกหินจากจังหวัดชลบุรีเป็นต้น ผลิตภัณฑ์ที่นำมาจัดแสดงและจำหน่าย ประกอบด้วย
- ประเภทอาหาร เช่นผลิตภัณฑ์แปรรูปจากผลผลิตทางการเกษตรทั้งผักผลไม้และอาหารทะเลเช่นข้าวแปรรูป (ข้าวฮาง ข้าวไรซ์เบอร์รี่ ฯลฯ) กล้วยอบ ทุเรียนทอด อาหารทะเลแห้ง
- ประเภทเครื่องดื่ม เช่น ไวน์มังคุดไวน์หมากเม่า น้ำลูกยอ
- ประเภทผ้าและเครื่องแต่งกาย เช่น ชุดสูท ผ้าพื้นเมือง ผ้าไหม ชุดชั้นใน ผลิตภัณฑ์จากผ้าฝ้าย ผ้าบาติก
- ประเภทของใช้และเครื่องประดับตกแต่ง เช่น ม่านสไตล์รีสอร์ท รองเท้าผ้าชวาชาวเขา เครื่องนอน เครื่องปั้นดินเผา ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากเสื่อกก ไม้ไผ่ ไม้มะม่วง กะลามะพร้าว ครกหิน เครื่องประดับจากเงินเครื่องประดับลงรัก
- ประเภทศิลปะประดิษฐ์และของที่ระลึก เช่น ดอกไม้ประดิษฐ์จากผ้าหรือดิน ศิลปะจากเยื่อกระดาษ ตุ๊กตาพอร์ซเลนเซรามิก
- สมุนไพรที่ไม่ใช่ยาและอาหาร เช่น เครื่องหอมสมุนไพร&สปา เครื่องสำอางจากสมุนไพรและสเปรย์เอนไซม์กำจัดกลิ่น
นอกจากนี้ภายในงานยังมีกิจกรรมส่งเสริมการขาย เช่น จับรางวัลจากคูปองชิงโชค จำหน่ายสินค้าราคาถูกในช่วงเวลานาทีทอง จับหางบัตรชิงโชคจากโบชัวร์ ฯลฯ ตลอดการจัดงานทั้ง 4 วัน
ทางด้าน นายคณานันต์ ตั้งสัมพันธ์ รองกรรมการผู้จัดการบริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน) หนึ่งในผู้ประกอบการของโครงการเงินทุนหมุนเวียนฯ ได้นำสินค้ามาจำหน่ายในงานนี้ กล่าวว่า บริษัท เอราวัณฟูด จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิต ผักและผลไม้บรรจุกระป๋องที่ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ สำหรับในช่วงเทศกาลปีใหม่นี้ มียอดการสั่งซื้อจากลูกค้าทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 10-15 จากช่วงเวลาปกติ เนื่องจากผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้กระป๋องจะนิยมบริโภคกันตลอดปี แต่อย่างไรก็ตามขณะนี้เศรษฐกิจของประเทศกลับมาคึกคักอีกครั้ง อีกทั้งค่าเงินตราต่างประเทศคงที่ ส่งผลให้ยอดการสั่งซื้อโดยรวมทั้งปีของบริษัทเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วกว่าร้อยละ 20-30 ต่อปี
สำหรับผู้ที่สนใจเข้าร่วมงาน สามารถจับจ่ายสินค้าเพื่อเป็นของขวัญของฝากในเทศกาลปีใหม่ได้ตั้งแต่วันนี้ ถึง 19 ธันวาคม 2557 ณ บริเวณห้องนิทรรศการและลานจอดรถ ชั้น 1 อาคารกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. หรือ สอบถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการเงินทุนหมุนเวียนฯได้ที่ คุณชุติยา ศุกรโยธินส่วนบริหารเงินทุน ชั้น 4 กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ถนนพระรามที่ 6 กรุงเทพฯ โทรศัพท์ 0 2202 4409-10 หรือเข้าไปที่ http://credit.dip.go.th