กรุงเทพฯ--18 ธ.ค.--ฟิทช์ เรทติ้งส์
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะยาวของบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ที่ ‘BBB+(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ และคงอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นที่ระดับ ‘F2(tha)’
ปัจจัยที่มีผลต่ออันดับเครดิต
อัตราส่วนหนี้สินที่ดีขึ้น: ถึงแม้ว่าอัตราส่วนหนี้สินของบริษัทฯ สูงกว่าที่ฟิทช์คาดไว้ในปี 2556 ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สิน และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของ TASCO จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นในปี 2557 สาเหตุหลักเนื่องมาจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลงตั้งแต่ช่วงกลางปี 2557 เป็นต้นมา โดยราคาน้ำมันดิบที่ลดลงจะช่วยทำให้ความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนของ TASCO ลดลง ซึ่งจะส่งผลให้เงินกู้ระยะสั้นลดลง นอกจากนี้การลดลงของราคาน้ำมันดิบยังส่งผลให้ส่วนต่างของราคาวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์มีแนวโน้มที่สูงขึ้น ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานจะลดลงต่ำกว่า 6 เท่า ภายในปี 2558 จาก 7.4 เท่า ในปี 2556
ตำแหน่งทางการตลาดที่แข็งแกร่งภายในประเทศ: อันดับเครดิตสะท้อนถึงความเป็นผู้นำทางการตลาดของ TASCO ในธุรกิจยางมะตอยในประเทศไทย โดย TASCO มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณร้อยละ 40 ในธุรกิจแอสฟัลต์ซีเมนต์ และมากกว่าร้อยละ 60 ในสินค้ายางมะตอยชนิดพิเศษ เนื่องจากบริษัทฯ มีเครือข่ายทางการตลาดที่แข็งแกร่ง มีการส่งมอบสินค้าที่ตรงเวลาและหน่วยงานสนับสนุนด้านเทคนิคที่ดี ความเชี่ยวชาญในสินค้ายางมะตอยและการบริการทางเทคนิคถือเป็นจุดแข็งที่สำคัญของบริษัทฯ โดยการที่ TASCO มีประวัติการดำเนินธุรกิจยางมะตอยที่ยาวนาน และการได้รับการสนับสนุนด้านเทคนิคจากบริษัท Colas SA หรือ Colas ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯ โดยถือหุ้น TASCO อยู่ร้อยละ 32 เป็นปัจจัยสนับสนุนความสามารถในการแข่งขันที่เหนือกว่าคู่แข่งทั้งในประเทศและในภูมิภาคนี้
การกระจายความเสี่ยงด้านภูมิศาสตร์: TASCO มีโรงงานผลิตจำนวน 18 โรงงานตั้งอยู่ใน 5 ประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งรวมถึงโรงกลั่นยางมะตอยที่ตั้งอยู่ในประเทศมาเลเซียด้วย ประมาณร้อยละ 66 ของยอดขายของ TASCO เป็นการขายที่เกิดขึ้นภายนอกประเทศไทย โดยมีการขายกระจายอยู่ใน 5 ประเทศหลัก ประกอบด้วย อินโดนีเซีย จีน ออสเตรเลีย มาเลเซีย และเวียดนาม และยังมีการขายในประเทศอื่นอีกกว่า 10 ประเทศ นอกจากนี้การขายระหว่างประเทศยังได้รับการสนับสนุนจากการที่บริษัทฯ มีกองเรือขนส่งยางมะตอย 7 ลำ ซึ่งทำให้มีความได้เปรียบด้านต้นทุนค่าขนส่งและความยืดหยุ่นในการจัดตารางการส่งมอบ
ความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำมัน: TASCO ต้องเผชิญกับความผันผวนของราคาวัตถุดิบซึ่งได้แก่น้ำมันดิบเป็นหลัก ในขณะที่ราคาผลิตภัณฑ์ยางมะตอยมีความสัมพันธ์กับการเปลี่ยนแปลงของราคาน้ำมันดิบในระยะสั้นไม่มากนัก นอกจากนี้ระยะเวลาที่ต้องใช้ในการขนส่งน้ำมันดิบจากอเมริกาใต้มายังโรงกลั่นในประเทศมาเลเซียยังทำให้เกิดความแตกต่างระหว่างราคาสินค้าผลิตภัณฑ์จากโรงกลั่นกับราคาน้ำมันดิบที่ซื้อมาอีกด้วย อย่างไรก็ตาม บริษัทฯได้ใช้เครื่องมือทางการเงินในการประกันความเสี่ยงเพื่อบรรเทาความเสี่ยงดังกล่าว โดยการเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเพื่อรักษาอัตราส่วนกำไรให้อยู่ในระดับเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ในระดับหนึ่ง
วงจรการสร้างกระแสเงินสดที่ยาว: TASCO มีความต้องการใช้เงินทุนหมุนเวียนค่อนข้างสูง เนื่องจากมีรอบหมุนเวียนเงินสดคือระยะเวลานับแต่การจ่ายเงินสดเพื่อซื้อวัตถุดิบจนสามารถผลิตผลิตภัณฑ์และเรียกเก็บเงินได้ที่ค่อนข้างยาว รอบหมุนเวียนเงินสดสุทธิเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 50 วัน ในปี 2551 เป็นประมาณ 90 วันในช่วงปี 2552-2555 เพื่อสนับสนุนการจัดซื้อน้ำมันดิบหลังจากที่บริษัทฯ เริ่มดำเนินธุรกิจโรงกลั่นยางมะตอย รอบหมุนเวียนเงินสดสุทธิของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 122 วัน เนื่องจากมีน้ำมันดิบเพิ่มเติมเข้ามาอีก 1 ลำในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าระดับรอบหมุนเวียนเงินสดสุทธิจะลดลงเป็น 90-100 วันในปี 2558-2561
ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต
ปัจจัยบวก:
- การปรับเพิ่มของอันดับเครดิต ไม่น่าจะเกิดขึ้นในช่วง 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากอัตราส่วนหนี้สินในปัจจุบันของบริษัทฯ คาดว่าอยู่ในระดับที่สูงอยู่
ปัจจัยลบ:
- การลงทุนที่สูงขึ้นโดยมีแหล่งเงินทุนจากการกู้ยืม และ/หรือ ส่วนต่างราคาขายและวัตถุดิบของอุตสาหกรรมที่ต่ำ ซึ่งทำให้อัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานที่สูงกว่า 6 เท่าอย่างต่อเนื่อง
- อัตราส่วนกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงานต่อดอกเบี้ยจ่ายและค่าเช่าต่ำกว่า 4.5 เท่า