กรุงเทพฯ--19 ธ.ค.--อาร์เอส
เคลียร์ข่าวเรื่องลูกสาวจบไปไม่นาน ก็มีประเด็นใหม่ให้สงสัยอีก สำหรับ “ยิ่งยง ยอดบัวงาม” หรือ “นายยิ่งยง บังงาม” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง ล่าสุด “อดีตภรรยา” ออกแฉว่าไม่เลี้ยงดูหลาน งานนี้นักร้องดังควงลูกสาว “ฝน-พิมพ์นารา บัวงาม” เปิดใจประเด็นฉาวในรายการ“สดใหม่ไทยแลนด์” ทาง “ช่อง 2” บันเทิง..ถึงรส ถึงคุณ พร้อมย้ำว่ายินดีเสมอที่จะรับ “โอลิเวียร์” และ “โอลิเวอร์ นิวตัน เบทแมน” หลานทั้งสองมาดูแล และขอให้จบเรื่องโดยเร็ว แต่ยืนยันจะไม่ส่งค่าเลี้ยงดูให้เพราะเป็นห่วงความรู้สึกของภรรยาคนปัจจุบัน
ภรรยาเก่าออกมาให้ข่าว เรื่องราวที่เกิดขึ้นคืออะไร ?
ยิ่งยง : จริงๆ ผมกับเขาเลิกกันมา 20 ปีแล้วนะครับ แต่ด้วยปัญหาที่มันต่อเนื่องก็คือเรื่องลูกสาว เรื่องหลานมันพูดยากนะตรงนี้ คือผมไม่ได้มีหน้าที่ในการรับผิดชอบหลานตั้งแต่แรกด้วย ที่สำคัญคือลูกสาวเคยไปขอมาเลี้ยงแล้ว ตอนที่ผมมาเคลียร์เรื่องลูกสาวจบ ผมก็พาลูกมาอยู่แล้วก็จะให้เขาเอาหลานมาด้วย เพราะว่ายังไงทางโน้นเขาก็คงจะลำบาก แล้วก็ไม่ค่อยจะมีอะไรเลี้ยงหลาน เราก็เป็นห่วง ถ้าเอามาเลี้ยงที่นี่ก็จะได้ไม่ต้องเดือดร้อนกัน แต่วันหนึ่งเขาไม่ให้หรือยังไงก็ไม่ทราบ เพราะผมให้ลูกสาวดำเนินการตรงนี้
ตอนเข้าไปขอหลานมาเลี้ยงนี่นานรึยัง ?
ฝน : ก็ตั้งแต่ประมาณเดือนสิงหาปีที่แล้วค่ะ หนูโทรไปตอนแรกหนูคุยกับทางคุณแม่ทิพย์(ภรรยาคนปัจจุบันของยิ่งยง)ก่อนว่า... คุณแม่หนูคิดถึงลูก หนูขอเอาลูกมาไว้กับหนูได้ไหม มาอยู่กับหนูได้ไหม คุณแม่บอกเอาสิ เอาเลย โทรไปขอเขาเลยเดี๋ยวคุณแม่ให้เอาคนขับรถไปรับ หนูก็โทรไปเขาบอกว่า “กูไม่ให้ ถ้ามึงอยากได้ มึงก็มาเอาเอง มึงหาปัญญามาเอาให้ได้” เขาพูดประมาณนี้ค่ะ แล้วหนูก็โทรไปหลายครั้งมาก เขาก็ไม่รับสายบ้าง ให้คนอื่นรับสายบ้าง ให้ใครต่อใครรับสาย”
อยากเอาหลานมาเลี้ยงอยู่แล้ว ?
ยิ่งยง : ด้วยเจตนาของลูกเขาอยากได้ลุกเขามาเลี้ยงอยู่แล้ว แต่ด้วยเหตุผลอะไรผมก็ไม่ทราบอันนี้ไม่รู้จริงๆ พอจบเรื่องน้องฝนตอนที่ออกมาคุยมารับ อย่างที่บอกว่ารับผิดชอบเรื่องลูกเรื่องอะไรตั้งแต่แรกแต่ด้วยปัญหาที่มันประดังเข้ามา พอมันเคลียร์ลงตัวเราก็พาลูกสาวมาอยู่ที่บ้าน เขาป่วย ยอมนรับว่าเขาป่วย บางทีมันโดนมาเยอะในเรื่องของที่เขาโดนแฟนทำร้าย ก็สลบเป็นเดือนนะ คราวนี้สมองของคนเราพอโดนแบบนี้มันก็ไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าไหร่ จริงๆ ถ้าเอาหลานมาต้องจ้างคนมาเลี้ยงด้วย ถ้าให้ลุกดูคนเดียวคงไม่ได้ นี่คือสิ่งที่ต้องจัดการเป็นอย่างยิ่งเลย ถ้าให้อยู่กับเขาสองต่อสอง หรือลูกเขาสองคนอยู่ด้วยกันผมว่าเขาเลี้ยงไม่ไหวหรอก ทั้งที่เรามีเงินซับพอร์ตให้แต่ว่าให้เขาดูแลเองคงไม่ได้ ต้องหาคนมาช่วย
จะบอกว่าเต็มใจเอาหลานมาเลี้ยง ?
ยิ่งยง : มันเป็นหน้าที่อยู่แล้วครบ ผมเชื่อเหลือเกินว่าด้วยจิตของตาของยาย ของปู่มันเป็นหน้าที่ บางทีลูกหลานมาทำงานในกรุงเทพมีแฟน แล้วก็ส่งหลานไปให้ปู่ ย่า ตา ยายเลี้ยงที่บ้านนอกก็เยอะแยะ แล้วเราช่วยคนมาเยอะ ซึ่งบางทีเราช่วยคนที่ไม่รู้จัก เราสงสารเขา เราก็ช่วยแล้วทำไมสายเลือดของเราเราจะช่วยไม่ได้
หลังจากทีข่าวได้คุยกับอดีตภรรยาไหม ทำไมออกมาให้ข่าวแบบนี้ ?
ยิ่งยง : ผมไม่คุยครับ หนึ่งมันไม่ต้องคุยแล้วมันจบกันไป 20 ปีแล้ว ผมจะคุยอะไรผมก็ต้องผ่านคนอื่นเพราะผมก็แคร์เมียผมทุกวันด้วยไง แฟนเราเขาทำทุกอย่าง เขาเหนื่อยทุกอย่าง เขารับทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้องฝน ซึ่งเพิ่งจบไปหมาดๆ แล้วก็มามีเรื่องหลานอีกแล้ว ซึ่งถ้าเป็นผมผมก็ไม่ไหวนะ สมมุติผมเป็นสามีแล้วภรรยาไปมีข่าวแบบนี้อยู่เรื่อยๆ เราก็ไม่ไหวเหมือนกัน หลานเป็นหลานผม ไม่ใช่หลานของเรา พอเราจะเอาหลานมาเราก็ต้องคุยกันก่อนไม่ใช่ว่าเอาเด็กที่เป็นสายเลือดของผมมาดูแลซึ่งบางทีมันไม่ได้เลี้ยงตั้งแต่เด็ก เราไม่รู้จิตใจของเด็ก นั่นคือปัญหาที่มันจะตามมาในเรื่องของครอบครัวครับ เราต้องแคร์คนของเราก่อน ส่วนเรื่องหลานถ้าเกิดเขาให้มาเราก็ยินดีอยู่แล้ว
สรุปเขาให้หลานมาไหม ?
ยิ่งยง : ก็ตามสื่อเขาก็บอกให้เราไปรับเลี้ยง ผมก็ยังไม่ชัดเจนว่ารับเลี้ยงคือยังไง ให้ส่งเงินไปให้ใช่ไหม ตรงนี้ผมไม่เอานะ
ฝน : ใช่ค่ะ
ยิ่งยง : ผมไม่ส่งนะครับเพราะว่า ผมแคร์ความรู้สึกของคนที่บ้าน เหมือนกับว่าเราเอาเงินที่ทำงานกับแฟนคนปัจจุบันไปส่งให้คนเมื่อก่อนเนี่ยมันไม่ใช่ละ เขาก็มีครอบครัว เขาก็มีคนของเขาไปแล้ว เราก็ไม่ยุ่ง แต่!! ถ้าเกิดเขาให้หลานมา เราขับรถไปรับเลย ให้ฝนไปรับกับคนขับรถเลย ทันทีเลย ผมไม่มีปัญหาอยู่แล้ว เราช่วยคนมาเยอะแยะ ทำไมเราจะช่วยคนของเรา หลานของเราไม่ได้ อยากบอกเขาว่าถ้าจะให้หลานมาก็เอามาเลย จะได้จบ แล้วผมก็ต้องไปคุยกับอดีตสามีของลูกสาวว่า ยูจะรับผิดชอบคนไหนก็รับไป ยูเป็นพ่อ ยูต้องมีเลือดเนื้อ มีเลือดที่เป็นพ่อหน่อย ใจนักเลงหน่อย ไม่ใช่ว่ายูสร้างคนขึ้นมาคนหนึ่งแล้วก็ทิ้งขว้าง โดยที่ไม่ได้คิดว่าคนที่คุณสร้างขึ้นมามันจะเป็นกรรมของเขา คุณต้องรับผิดชอบ
ตอนนี้พ่อของเด็กอยู่ที่ไหน ?
ยิ่งยง : ผมไม่แน่ใจว่าอยู่ที่ไหน
ฝน : อยู่เมืองไทยค่ะ
ล่าสุดได้ติดต่อกันไหม ?
ฝน : เขาไลน์มาหาหนูครั้งล่าสุด ก็เมื่ออาทิตที่แล้วค่ะเขาไลน์มาว่า ซินดี้คัมแบ็คนะ คัมแบ็คมาหาเขานะ กลับมาเป็นครอบครัว หนูก็อ่านไลน์แต่ไม่ได้ตอบค่ะ ได้แค่อ่าน
ไม่ได้คุยเรื่องลูก ?
ฝน : หนูไม่คุยเพราะว่าเขาเป็นคนซ่ำแซะ(น่าเบื่อ/น่ารำคาญ/วุ่นวาย) ค่ะ หนุก็เลยยังไม่อยากคุย
ที่ผ่านมาเขาดูแลเรื่องลูกไหม ?
ฝน : ตอนนั้นหนูยังไม่ได้มาอยู่กับคุณพ่อ เขาก็ส่งเสียเลี้ยงดูหนูกับลูก ตอนที่หนูยังอยู่กับแม่ค่ะ แล้วพอหนูมาอยู่กับคุณพ่อก็ไม่มี ทั้งๆ ที่ไปขึ้นศาลเขาบอกว่า เดี๋ยวเขาจะให้เดือนเท่านั้นเท่านี้ หนูก็ไม่เห็นเงินนั้นเลย
ส่งเงินให้ลูกไหม ?
ฝน : อันนี้หนูไม่รู้เลย หฯไม่ได้ติดต่อกับทางนั้นแล้ว ถามว่าขาดการติดต่อนานรึยัง ก็ตั้งแต่หนูอยู่กับคุณพ่อค่ะ
คิดถึงลูกไหม ?
ฝน : หนูคิดถึงแล้วก็เป็นห่วงเขาด้วย อย่างน้อยถ้าเขามาอยู่กับทางหนู อย่างน้อยก็มีคุณพ่อคอยซับพอร์ตให้เรียนโรงเรียนดีๆ ให้อะไรดีๆ อยู่ทางนั้นพูดได้เยว่ามันไม่มีอนาคตแน่นอน
คิดอยากไปคุยกับแม่อีกไหม ?
ฝน : ถ้าให้หนูคุยเอง หนูไม่คุยเพราะว่าหนูอารมณ์หนูไม่เหมือนคนปกติ ถ้าจะคุยก็ต้องเป็นตัวแทนหนูคุย หรือใครก็ได้คุย ว่าถ้าจะให้ไปรับ ให้ไปวันนี้เลยไหม ตอนนี้เลยไหม คือถ้าจะเอาเงินหนูก็ไม่ให้เพราะว่าเขาเป็นเหมือนผู้หญิงที่ได้คืบจะเอาศอก ได้ศอกอะเอาวา
อยากให้เขาติดต่อมาทางเรา ?
ยิ่งยง : เดี๋ยวผมต้องคุยกับคนที่ดูแลคิวผม ลองประสานดูว่าเขาจะเอายังไง ถ้าเขาจะให้ไปรับก็ยินดีครับ ยินดีเลย มันจะได้จบ แล้วก็ต้องบอกว่าขอให้จบไปเลยนะครับ
ฝน : ขอให้เป็นข่าวสุดท้าย
คิดว่าจะยืดเยื้อไหม ?
ยิ่งยง : ผมว่าถ้าเขาลงข่าวขนาดนี้ ผมว่าน่าจะปล่อยแล้วครับ แต่ถ้าเกิดเขาไม่ปล่อยก็ไปถามกันเองก็แล้วกัน ทำได้แค่นี้จริงๆ เรายินดีรับผิดชอบหลานอยู่แล้ว แต่ขอให้มาอยู่กับเรา
ถ้าเคลียร์ไม่จบ จะมีการฟ้องร้องไหม ?
ยิ่งยง : ผมคงไม่ฟ้องหรอกครับ ไม่รู้จะฟ้องทำไม ผมว่าการฟ้องร้องเอาหลาน หรือว่าเอาลูกผมว่ามันไม่ใช่ คือถ้าคุณไม่มีปัญญาเลี้ยง ก็ส่งมาให้เราเลี้ยงก็จบแล้ว ไม่ต้องไปเหนื่อยฟ้องร้อง แค่ต้องมารับข่าวแบบนี้มันก็เหนื่อยเหมือนกัน