กรุงเทพฯ--22 ธ.ค.--กลุ่มสารนิเทศการคลัง กระทรวงการคลัง
นายนริศ ชัยสูตร อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้มีนโยบายเกี่ยวกับการบริหารทรัพย์สินของประเทศเพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและสังคม โดยการขยายฐานภาษีบางประเภทซึ่งหนึ่งในภาษีนั้น คือ ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ใช้ราคาประเมินทุนทรัพย์ของกรมธนารักษ์ เป็นฐานในการจัดเก็บภาษี
นายนริศ กล่าวต่อว่า ในเบื้องต้นการจัดเก็บภาษีตาม พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างจะดำเนินการได้ รัฐบาลต้องได้รับความร่วมมือและการสนับสนุนจากหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ กรมที่ดินซึ่งสนับสนุนข้อมูลระวางแผนที่ ข้อมูลทะเบียนที่ดิน และข้อมูลซื้อขาย สำนักพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์กรมหาชน) หรือ GISTDA ดำเนินการจัดทำภาพถ่ายดาวเทียมคุณภาพสูงสำหรับการบูรณาการใช้ร่วมกันระหว่างกรมธนารักษ์ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมส่งเสริม การปกครองท้องถิ่น จะสนับสนุนโปรแกรมเพื่อจัดทำข้อมูลทะเบียนที่ดิน (LTAX-๓๐๐๐) และโปรแกรมจัดทำข้อมูลแผนที่ภาษี (LTAX-GIS) องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะจัดทำแผนที่ภาษีและฐานภาษี โดยในส่วนของสำนักงานเศรษฐกิจการคลังจะดำเนินการเพื่อให้ พ.ร.บ. ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมีผลบังคับใช้ กรมธนารักษ์จัดทำข้อมูลราคาประเมินที่ดินรายแปลงให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และหน่วยงานอื่นๆ ที่มีข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เช่น ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) ธนาคารออมสิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ได้ประสานและร่วมทำงานกับหน่วยงานหลักแล้ว
นอกจากนั้น กรมธนารักษ์ยังเตรียมโครงการนำร่องการคำนวณมูลค่าทรัพย์สินเพื่อจัดทำฐานภาษีตาม พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (Pilot Project) ขึ้นมาก่อนเพื่อเป็นต้นแบบ (โดยจะดำเนินการในเดือนมกราคม ๒๕๕๘) และร่างแผนงาน ๒ โครงการ คือ แผนงานพัฒนาบุคลากร และแผนการประเมินราคาที่ดิน รายแปลงเสร็จแล้ว และได้รับความเห็นชอบในหลักการจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (นายสมหมาย ภาษี) ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนร่างแผนปฏิบัติการโดยละเอียด โดยขั้นตอนต่อไปจะมีการนำเสนอให้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ) ผู้ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกรมธนารักษ์ เพื่อให้ข้อคิดเห็นและให้ความเห็นชอบขั้นตอนของแผนปฏิบัติการ ซึ่งเมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว จะเปิดเผยแผนงานโดยละเอียดต่อไป นายนริศกล่าวในตอนท้าย กรมธนารักษ์มั่นใจว่าแผนการประเมินราคาทุนทรัพย์ จะดำเนินการแล้วเสร็จในเวลา ๑ ปี ครึ่ง โดยขณะนี้มีการประชุมติดตาม และฝึกอบรมข้าราชการที่ต้องเกี่ยวข้องกับการประเมินนี้ตลอดเวลา เพื่อให้การประเมินราคาครั้งนี้มีประสิทธิภาพ และโปร่งใสที่สุด ตามนโยบายรัฐบาล