กรุงเทพ--16 ก.ย.--ก.พ.
ก.พ. เห็นชอบให้ดำเนินการพัฒนาระบบมาตรฐานสากลของประเทศไทยด้านการจัดการและสัมฤทธิผลของงานภาครัฐในทุกหน่วยงานของภาครัฐ พร้อมทั้งให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดเป็นนโยบายให้ทุกส่วนราชการดำเนินการพัฒนาระบบมาตรฐานฯ ดังกล่าวต่อไป
นางทิพาวดี เมฆสวรรค์ เลขาธิการ ก.พ. เปิดเผยว่า ปัจจุบันภาคราชการ (ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ยังไม่สามารถทำหน้าที่เป็นแกนหลักในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งไม่สามารถสนองตอบต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการของระบบเศรษฐกิจและสังคมของประเทศได้ ซึ่งปัญหารากฐานที่สำคัญคือ การที่ภาคราชการขาดการกำหนดตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานหรือมาตรฐานของผลการปฏิบัติงานที่เน้นผลสัมฤทธิ์ของงาน ทำให้การปฏิบัติงานในภาครัฐมีความหลากหลายและมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน อันเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งเพื่อให้หน่วยงานของรัฐเป็นเครื่องมือในการนำนโยบายของรัฐไปปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพื่อให้ภาครัฐเป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการฟื้นฟูและพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมทั้งขจัดความยากจนและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของประชาชน ก.พ. ในการประชุม ครั้งที่ 8/2541 เมื่อวันที่ 14 กันยายน 2541 ซึ่งมี ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายชวน หลีกภัย เป็นประธาน จึงได้พิจารณาเห็นชอบให้มีการดำเนินการพัฒนาระบบมาตรฐานสากลของประเทศไทยด้านการจัดการ และสัมฤทธิผลของงานภาครัฐในทุกหน่วยงานของภาครัฐ โดยกำหนดเป็นนโยบายให้หน่วยงานภาครัฐ (ทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ) ดำเนินกิจกรรม 5 ส เพื่อเป็นกลยุทธ์หนึ่งที่จะพัฒนาไปสู่การปรับปรุงระบบการทำงานที่เป็นมาตรฐานต่อไป โดยให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ เป็นศูนย์ประสานทางวิชาการ
นางทิพาวดีฯ ได้ชี้แจงเพิ่มเติมว่า ก.พ. ยังได้เห็นชอบให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อกำหนดเป็นนโยบายการดำเนินการพัฒนาระบบมาตรฐานสากลของประเทศไทยด้านการจัดการและสัมฤทธิผลของงานภาครัฐ (Thailand International Public Sector Standard Management System and Outcomes หรือเรียกโดยย่อว่า Thailand Internation P.S.O.) เพื่อให้ทุกส่วนราชการนำไปปฏิบัติให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี โดยให้สำนักงบประมาณสนับสนุนเงินงบประมาณให้แก่ส่วนราชการตามความจำเป็น และให้สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับคณะกรรมการว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชนของหน่วยงานของรัฐ และสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ เป็นหน่วยงานที่ให้ความช่วยเหลือทางวิชาการแก่ส่วนราชการในการจัดและพัฒนาระบบมาตรฐานฯ ดังกล่าว--จบ--