กรุงเทพฯ--23 ธ.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) Holding Company ที่ลงทุนในธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์โพลีเมอร์และพลาสติกชั้นนำระดับโลก พร้อมซื้อขายใน ตลท. 24 ธ.ค. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 16,240 ล้านบาท
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า บมจ. อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG)จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน ตลท. ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดวัสดุก่อสร้าง ในวันที่ 24 ธันวาคม 2557 ซึ่งEPG ประกอบธุรกิจการลงทุนในบริษัทอื่น (holding company) มีการลงทุนในธุรกิจหลัก คือธุรกิจผลิตและจำหน่ายฉนวนยางกันความร้อน / เย็นในอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง ภายใต้ตราสินค้า “แอร์โรเฟล็กซ์” นอกจากนี้ ยังมีธุรกิจอื่น ได้แก่ ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ภายใต้ตราสินค้า “แอร์โรคลาส” ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกคุณภาพสูง ภายใต้ตราสินค้า “อีพีพี” โดยบริษัทให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนา เพื่อสร้างนวัตกรรมใหม่ ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติเฉพาะ มีคุณภาพสูง และมีเครื่องหมายการค้าของตนเอง
EPG มีทุนชำระแล้ว 2,800 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 2,100 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 700 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนทั้งจำนวนต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 17 – 19 ธันวาคม2557 ในราคาหุ้นละ 5.80 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 4,060 ล้านบาท โดยมีธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายภวัฒน์ วิทูรปกรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อีสเทิร์นโพลีเมอร์ กรุ๊ป (EPG) เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้น IPO ส่วนหนึ่งไปชำระคืนหนี้ และที่เหลือจะนำไปใช้ในการไปขยายกิจการทั้งในและต่างประเทศ ทั้งนี้ บริษัทมุ่งเน้นที่จะลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่โดยอาศัยนวัตกรรมที่บริษัทลงทุนวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ EPG 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มวิทูรปกรณ์ ถือหุ้น 75% สำนักงานประกันสังคม ถือหุ้น 0.37% และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ พนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ถือหุ้น 0.36 % การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building) คิดเป็นอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น(P/E Ratio) ที่ 32.22 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ตุลาคม 2556 – 30 กันยายน 2557) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.18 บาท โดยP/E Ratio เฉลี่ยของบริษัทที่คัดเลือกจากหมวดวัสดุก่อสร้างในช่วง 6 เดือน (13 มิถุนายน - 12 ธันวาคม 2557) เท่ากับ 15.7 เท่า ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 30 % ของกำไรสุทธิจากงบการเงินรวม หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.epggroups.com และที่เว็บไซต์ www.set.or.th