กรุงเทพฯ--25 ธ.ค.--ทริสเรทติ้ง
ทริสเรทติ้งประกาศ “เครดิตพินิจ” แนวโน้ม “Developing” หรือ “ไม่ชัดเจน” ให้แก่อันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) สืบเนื่องจากการประกาศของบริษัทเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ซึ่งระบุว่าบริษัทแสดงความประสงค์จะซื้อหุ้นทั้งหมดของ Bumble Bee Holdco S.C.A. (Bumble Bee) มูลค่าทั้งสิ้น 1,510 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (หรือ 49,801 ล้านบาท ที่อัตราแลกเปลี่ยน 32.981 บาทต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐ) การซื้อกิจการในครั้งนี้มีเงื่อนไขที่จะต้องปฏิบัติให้แล้วเสร็จเสียก่อน ซึ่งรวมถึงการได้รับอนุญาตในการควบรวมกิจการภายใต้กฏหมายป้องกันการผูกขาดของประเทศสหรัฐอเมริกา ทั้งนี้ คาดว่าธุรกรรมดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 6-12 เดือน และจะเสร็จสิ้นภายในช่วงครึ่งหลังของปี 2558
Bumble Bee เป็นหนึ่งในผู้นำในธุรกิจอาหารทะเลบรรจุหีบห่อในทวีปอเมริกาเหนือ บริษัทเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าปลาทูน่ารายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจอาหารทะเลในประเทศแคนาดา Bumble Bee เป็นตราสินค้าที่เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้บริโภคเป็นอย่างดี บริษัทมียอดขายจากผลิตภัณฑ์ปลาทูน่าคิดเป็น 52% ของยอดขายรวม นอกจากนี้ บริษัทยังผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน หอย และอาหารทะเลอื่นด้วย รายได้เกือบ 90% ของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์ที่จำหน่ายภายใต้ตราสินค้าของบริษัท เช่น Bumble Bee, Clover Leaf, Brunswick และ Snow’s เป็นต้น บริษัทมีโรงงานอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา ฟิจิ โคลัมเบีย มอริเชียส จีน และไทย ผู้ถือหุ้นของบริษัท คือ Lion/Big Catch Cayman L.P. ซึ่งเป็นกองทุนเอกชน สำหรับรอบระยะเวลา 12 เดือนย้อนหลังสิ้นสุด ณ เดือนกันยายน 2557 Bumble Bee มียอดขายรวม 985 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ และมีกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ที่ปรับปรุงแล้วจำนวน 144 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ Bumble Bee มีอัตรากำไรที่ดี กล่าวคือ มี EBITDA ต่อยอดขายอยู่ที่ระดับ 11.9%-14.6% ในช่วงระหว่างปี 2554 ถึง 9 เดือนแรกของปี 2557 เทียบกับอัตรา 6.9%-9.9% ที่บริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ทำได้ในช่วงเวลาเดียวกัน
การซื้อกิจการ Bumble Bee เป็นไปตามกลยุทธ์ระยาวของบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์ที่จะเน้นผลิตภัณฑ์อาหารทะเลภายใต้ตราสินค้าของตนเอง ความสำเร็จในการรวมกิจการในครั้งนี้จะช่วยเพิ่มสัดส่วนผลิตภัณฑ์ที่มีตราสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูงให้แก่บริษัทมากขึ้นและช่วยเสริมสถานะความเป็นผู้นำของบริษัทในทวีปอเมริกาเหนือ เมื่อรวมกิจการกับ Bumble Bee แล้ว บริษัทจะมีสัดส่วนการจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของตนเองเพิ่มเป็น 52% ของรายได้รวม เทียบกับสัดส่วนในปัจจุบันที่ระดับ 42% อย่างไรก็ตาม การลงทุนขนาดใหญ่เช่นนี้อาจส่งผลในทางลบต่อสถานะทางการเงินของบริษัทได้หากบริษัทใช้เงินกู้จำนวนมากในการซื้อกิจการ ซึ่ง ณ ปัจจุบันบริษัทยังไม่ได้ข้อสรุปเกี่ยวกับแหล่งเงินทุน
ทริสเรทติ้งจะระงับเครดิตพินิจพร้อมทั้งประกาศทบทวนผลอันดับเครดิตของบริษัทไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่น โปรดักส์เมื่อเงื่อนไขในการซื้อกิจการเสร็จสมบูรณ์และทริสเรทติ้งได้ทำการวิเคราะห์ถึงผลกระทบทางธุรกิจจากการลงทุนดังกล่าวแล้ว ทั้งนี้ อันดับเครดิตอาจไม่เปลี่ยนแปลงหากหลังการซื้อกิจการบริษัทแสดงให้เห็นถึงอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งสามารถควบคุมโครงสร้างเงินทุนให้สอดคล้องกับนโยบายทางการเงินของบริษัท อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตอาจถูกปรับลดลงหากสถานะทางการเงินหลังการซื้อกิจการอ่อนแอลงกว่าที่ได้คาดไว้และหากบริษัทต้องใช้ระยะเวลานานเพื่อฟื้นฟูสถานะทางการเงินให้กลับมาแข็งแกร่งดังเดิม
บริษัท ไทยยูเนี่ยน โฟรเซ่นส์ โปรดักส์ จำกัด (มหาชน) (TUF)
อันดับเครดิตองค์กร: AA-
อันดับเครดิตตราสารหนี้:
TUF167A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,950 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2559 AA-
TUF172A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2560 AA-
TUF192A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,150 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2562 AA-
TUF212A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-
TUF217A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 AA-
TUF242A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,050 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 AA-
แนวโน้มเครดิตพินิจ: Developing