น้ำตาลขอนแก่น เข้าเทรด 7 มีนาคม กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม

ข่าวทั่วไป Monday March 7, 2005 11:45 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--7 มี.ค.--124 คอมมิวนิเคชั่นส
น้ำตาลขอนแก่น ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทั้งในและต่างประเทศ โดยมีประสิทธิภาพการผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ สร้างประวัติศาสตร์เป็นโรงน้ำตาลโรงแรกที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ เดินหน้าเข้าเทรด 7 มีนาคม ศกนี้ ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม
นายจำรูญ ชินธรรมมิตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทั้งในและต่างประเทศ โดยมีประสิทธิภาพการผลิตสูงสุดเป็นอันดับหนึ่งของประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์ได้รับบริษัทเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนและอนุมัติให้เข้าทำการซื้อขายในวันจันทร์ที่ 7 มีนาคม ศกนี้ ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม และมีชื่อที่ใช้ในการซื้อขายว่า “KSL”
“จากการที่บริษัทเปิดให้ประชาชนจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนไปเมื่อวันที่ 24-25 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาในราคา 4.30 บาท (โดยมีราคาพาร์ 1 บาท) นั้นได้รับการตอบรับจากนักลงทุนอย่างมาก ทั้งนักลงทุนสถาบัน และประชาชนทั่วไป ซึ่งบริษัทจะนำเงินจำนวนประมาณ 1,204 ล้านบาทไปลงทุนในธุรกิจปลายน้ำ (Downward Integration) ตามนโยบายพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยส่วนหนึ่งของเงินจะนำไปลงทุนในบริษัท โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น และบริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด อีกส่วนหนึ่งจะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจและชำระเงินกู้สถาบันการเงิน”
โครงการข้างต้นมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ โครงการโรงไฟฟ้าที่ดำเนินการโดย บริษัทโรงไฟฟ้า น้ำตาลขอนแก่น จำกัด ดำเนินธุรกิจผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 30 เมกกะวัตต์ โดยจะทำการขายให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตจำนวน 20 เมกกะวัตต์ และใช้ในโรงงาน5 เมกกะวัตต์ โดยใช้เงินลงทุน 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มดำเนินการได้ภายในปลายปี 2549 ทั้งนี้คาดว่าจะมีรายได้จากโรงไฟฟ้านี้ 400 ล้านบาท, บริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ ดำเนินการผลิตเอทานอล สำหรับใช้เป็นเชื้อเพลิง โดยเงินที่ใช้ลงทุน 300 ล้านบาท ทั้งนี้คาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการผลิตได้ประมาณกลางปี 2548 โดยคาดว่าจะมีรายได้ประมาณ 388 ล้านบาท และโรงผลิตปุ๋ยใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท ซึ่งจะสร้างรายได้ประมาณปีละ 80 ล้านบาท
“ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยตามงบการเงินเสมือนที่บริษัทจัดทำขึ้นสำหรับปี 2547 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม ทั้งสิ้น 6,006 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการขายน้ำตาล 5,436 ล้านบาท กำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ยและภาษี 911 ล้านบาท กำไรสุทธิก่อนการปรับปรุงรายการพิเศษ 617 ล้านบาท บริษัทมีสินทรัพย์รวม 7,957 ล้านบาท และมีหนี้สินรวมและส่วนของผู้ถือหุ้น 1,565 ล้านบาท และ 5,311 ล้านบาท ตามลำดับ ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญที่ทำให้โครงสร้างทางธุรกิจของบริษัทฯและบริษัทย่อยมีความมั่นคงคือ การที่บริษัทผลิตน้ำตาลทรายคุณภาพสูง และผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ โดยนำตาลทรายที่บริษัทฯผลิตได้มี 4 ประเภท ได้แก่ น้ำตาลทรายดิบ (Raw Sugar), น้ำตาลทรายดิบคุณภาพสูง (High Pol Sugar), น้ำตาลทรายขาว (White Sugar), น้ำตาลบริสุทธิ์ (Refined Sugar) และนอกจากนี้ ยังมีผลิตภัณฑ์เสริมที่สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มหรือเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมต่างๆได้ อาทิ กากอ้อย (Bagasses) กากหม้อกรอง (Filter Mud) และกากน้ำตาล (Molasses)” นายจำรูญ กล่าว
หลังจากการกระจายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ สัดส่วนผู้ถือหุ้นก่อนและหลัง IPO มีการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้ โดย บจก. เค เอส แอล ชูการ์โฮลดิ้ง จำกัด ถือหุ้น ร้อยละ 38 ลดลงเหลือ ร้อยละ 32 , กลุ่มครอบครัวชินธรรมมิตร์ ถือหุ้น ร้อยละ 25 ลดเหลือ ร้อยละ 20 กลุ่มครอบครัวชุติมาวรพันธ์ ถือหุ้น ร้อยละ 6 ลดเหลือ ร้อยละ 5, กลุ่มครอบครัวโตการัณยเศรษฐ์ ถือหุ้น ร้อยละ 4 ลดเหลือ ร้อยละ 3, กลุ่มครอบครัวโรจนะโชติกุล ร้อยละ 4 และลดเหลือ ร้อยละ 3 โดยจะมีสัดส่วนของหุ้นเพิ่มทุนใหม่ที่กระจายแก่ประชาชนในครั้งนี้ประมาณร้อยละ 18 ของทุนชำระแล้วของบริษัท
ดร.อุดมศักดิ์ ชาครียวณิชย์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ แอสเซท พลัส จำกัด (มหาชน)
กล่าวว่า “ KSL ถือได้ว่าเป็นผู้ประกอบการอุตสาหกรรมน้ำตาลรายแรกที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ซึ่งเราเชื่อมั่นว่า KSL จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนเป็นอย่างมาก เนื่องจากอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับประชาชนและเกษตรกรจำนวนมากของประเทศ อีกทั้งปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากบราซิล”
นายจำรูญ ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจของบริษัทมีการดำเนินงานที่ดีมาตลอด ซึ่งบริษัทได้มีการเพิ่มทุนเพื่อขยายธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2547 บริษัทได้เพิ่มทุนจาก 900 ล้านบาท เป็นประมาณ 1,270 ล้านบาท เพื่อรวมกิจการโดยการซื้อหุ้นของโรงงานน้ำตาลอื่นๆในเครือทั้งหมดมารวมกันอยู่ภายใต้การบริหารเดียวกัน นอกจากนั้น บริษัทเองได้ขายเงินลงทุนในบริษัทที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจน้ำตาลออกไป โดยปัจจุบัน บริษัทมีโรงงานน้ำตาลภายใต้การบริหารจัดการทั้งหมด 4 โรงงานได้แก่ 1. บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) จังหวัดขอนแก่น ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 2. บริษัท โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคกลาง 3. บริษัท น้ำตาลท่ามะกา จำกัด จังหวัดกาญจนบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคกลาง และ 4. บริษัทนิวกว้างสุ้นหลี จำกัด จังหวัดชลบุรี ครอบคลุมพื้นที่การผลิตภาคตะวันออก”
อนึ่ง บริษัทน้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งขึ้นในปี 2519 ด้วยทุนจดทะเบียน 60 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 1,600 ล้านบาท เรียกชำระแล้วประมาณ 1,270 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตและผู้จำหน่ายน้ำตาลรายใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย และเป็นบริษัทน้ำตาลที่ได้ผ่านการตรวจรับรองระบบบริหารจัดการคุณภาพตาม “มาตรฐาน SQF 2000”, “มาตรฐาน ISO 9001 Version 2000”, รวมทั้ง “มาตรฐานระบบวิเคราะห์อันตรายและจุดวิกฤติที่ต้องการควบคุม” หรือ HACCP
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ:
อินทิรา ใจอ่อนน้อม
ม.ล. ฉัตรามณี เกษมศรี
ดรรชนี นวลเขียว
ศศิคนางค์ ศรีนวน
ครองใจ แสงเงิน
124 คอมมิวนิเคชั่นส
โทร. 02-662-2266--จบ--

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ