กรุงเทพฯ--5 ม.ค.--มทร.ธัญบุรี
“วันหนึ่งดิฉันได้ดูสารคดีเกี่ยวกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงฉลองพระองค์ชุดไทย พระจริยวัตรงดงาม พระพักตร์แจ่มใส พระองค์ตรัสภาษาจีนอย่างคล่องแคล่วกับนักข่าวว่า ?????????? ซึ่งหมายความว่า “ข้าพเจ้าเป็นเพื่อนเก่าของประชาชนจีน”และทรงเขียนพู่กันจีนว่า ??? (ห่าว เผิงโหย่ว) ซึ่งแปลว่า “กัลยาณมิตร” ทำให้ดิฉันรู้สึกซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงมีต่อชาวจีนเป็นล้นพ้น และรู้สึกประทับใจที่ประเทศจีนยกย่องพระองค์ให้ทรงเป็นหนึ่งใน “มิตรที่ดีที่สุดในโลก” ของประชาชนชาวจีน เมื่อดิฉันได้มาเรียนที่เมืองไทย ดิฉันโชคดีที่มีโอกาสได้รับเสด็จพระองค์ท่านในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรของมหาวิทยาลัย ดิฉันยังจำภาพในวันนั้นได้ว่า แม้จะต้องยืนอยู่กลางแดดร้อนในเวลากลางวัน แต่ต้องแปลกใจที่ประชาชนมากมายที่ห้อมล้อมอยู่ต่างเฝ้ารอเวลาเสด็จโดยมิได้หวั่นเกรงต่อแสงแดดนั้น ทุกใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเมื่อถึงเวลาที่ขบวนรถพระที่นั่งเสด็จผ่านมาถึง ดิฉันกับเพื่อนคนไทยต้องถวายความเคารพด้วยการถอนสายบัว ซึ่งแม้จะเป็นท่าทางที่ยากและไม่คุ้นเคยสำหรับชาวจีน แต่ความรู้สึกขณะนั้นคือตื่นเต้นและยินดีมาก ทำให้ดิฉันฝันว่าวันหนึ่ง เมื่อดิฉันสำเร็จการศึกษาและได้รับพระราชทานปริญญาบัตรจากพระหัตถ์ของพระองค์ วันนั้นคงจะเป็นวันที่ยิ่งใหญ่และเป็นเกียรติแก่ดิฉันและครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง” บทพูดสุนทรพจน์บางตอนของ Miss He Ting หรือ เชอรรี่ นักศึกษาชั้นปีที่ 4 สาขาวิชาการท่องเที่ยว คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี นักศึกษาจีนคว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 2 ในการประกวดสุนทรพจน์ภาษาไทย ครั้งที่ 29 จัดโดยโรงเรียนภาษาและวัฒนธรรม สมาคมส่งเสริมเทคโนโลยี (ไทย – ญี่ปุ่น) โดยมีชาวต่างชาติเข้าร่วมการแข่งขันกว่า 14 คน
เชอรรี่ เล่าว่า ตอนที่เรียนอยู่วิทยาลัยอาชีวศึกษาเทคโนโลยีสิบสองปันนา เอกภาษาไทย ได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนที่คณะศิลปศาสตร์ 8 เดือน ซึ่งตอนนั้นรู้สึกอบอุ่น อาจารย์ใจดี คอยให้การดูแล และอยากจะสอบชิงทุนมาเรียนต่อปริญญาตรีที่นี่ เมื่อรู้ว่าทางวิทยาลัยมี MOU กับ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี จึงสอบและได้มาเรียนที่นี่ ชอบภาษาไทย ภาษาไทยเป็นภาษาที่อ่อนโยน การออกเสียงสูง-ต่ำ เหมือนเป็นจังหวะดนตรี ฟังแล้วรู้สึกเหมือนสนิทสนมกัน นอกจากนี้ยังชอบศิลปวัฒนธรรมไทย โดยเฉพาะพระพุทธรูป ซึ่งแต่ละสมัยมีความแตกต่างกัน และตอนที่อยู่ที่จีนยังชอบดูละครไทยและหนังไทย หนังเรื่องแรกที่ดู คือเพื่อนสนิท นักร้องที่ชอบได้แก่ ใหม่ เจิรญปุระ เวลาว่างจากการเรียนจะเป็นคุณครูสอนภาษาจีนอยู่ที่สถาบันมู่หลาน วันจันทร์-วันศุกร์ วันละ 2 ชั่วโมง วันเสาร์และวันอาทิตย์ วันละ 4 ชั่วโมง โดยได้ค่าตอบแทนชั่วโมงละ 300 บาท
ที่เลือกพูดสุนทรพจน์ สยามบรมราชกุมารี : เจ้าฟ้าทูตสันถวไมตรี ไทย – จีน เนื่องจากตนเองได้มีโอกาสดูสารคดีเกี่ยวกับสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน และเมื่อตอนอยู่ชั้นปีที่ 1 ได้มีโอกาสรับเสด็จพระองค์ท่านในการเสด็จมาพระราชทานปริญญาบัตร “ตอนนั้นตนเองสังเกตบริเวณรอบๆ เห็นภาพประชาชนเฝ้ารอการเสด็จของพระองค์ท่าน กลางแดดที่ร้อน โดยไม่มีใครบ่นซักคน แต่ใบหน้าของประชาชนเหล่านั้นเต็มไปด้วยรอยยิ้ม” รู้สึกประทับใจ และปลายปลื้มมาก ที่ประชาชนรักพระองค์ท่าน นอกจากนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ยังเสด็จสาธารณรัฐประชาชนจีน ทูตสันถวไมตรี ไทย – จีน พระองค์ท่านคือเจ้าหญิงแห่งประเทศไทย สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ท่านนำศิลปวัฒนธรรมของจีนมาถ่ายทอดให้คนไทยได้รู้จัก เชื่อมโยงความผูกพันประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ ในการเตรียมตัวเวลาในการเตรียมตัว 3 เดือน ทุกวันหลังเลิกเรียน ซึ่งต้องฝึกการอ่านออกเสียงให้ชัด “ราชาศัพท์” ต้องเข้าใจความหมาย ฝึกทำความเข้าใจ ถ่ายทอดความรู้สึกกับเรื่องที่จะพูด สื่อออกมาทางสีหน้า และท่าทาง “ในการถ่ายทอดควมรู้สึกไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากเป็นเรื่องจริงที่ตนเองรู้สึกกับพระองค์ท่าน”
เมื่อตนเองสำเร็จการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี ตนเองได้เข้ารับพระราชทานปริญญาบัตร จากพระหัตถ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เป็นเกียรติกับครอบครัวของตนเองอย่างสูงสุด He Ting กล่าวทิ้งท้าย