กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทย
ผลสำรวจ "อาชีพในฝันของเด็กไทย" ครั้งที่ 6 ของกลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยพบว่าอาชีพแพทย์ยังคงเป็นที่ 1 ในใจที่เด็กไทยฝันอยากเป็นมากที่สุด โดยที่อาชีพสุดเท่ห์ในสายตาเด็กไทยปีนี้คือทหาร และประเทศไทยยังคงเป็นประเทศที่เด็กๆ อยากอยู่มากที่สุดในโลก
กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยสรุปผลสำรวจ "อาชีพในฝันของเด็กไทย" ประจำปี 2558 พบว่าแพทย์ยังคงครองอันดับ 1 อาชีพในฝันของเด็กไทยติดต่อกันเป็นปีที่ 6 ด้วยเหตุผลที่ว่าเพราะอยากช่วยเหลือและดูแลรักษาผู้อื่น ดูแลรักษาพ่อแม่ ญาติพี่น้อง และคนใกล้ชิด และรายได้ดี ตามลำดับ ส่วนอาชีพอันดับรองลงมาได้แก่ ทหาร ตำรวจ ครู และวิศวกร ตามลำดับ
ในส่วนอาชีพที่มาแรงในปีนี้คือ นักธุรกิจ นักกีฬา เชฟ และอาชีพในวงการบันเทิง อย่างเช่น นักแสดง นักร้อง นายแบบ นางแบบ โดยเหตุผลส่วนใหญ่คือเป็นความชื่นชอบ และรายได้ดี นอกจากนี้ยังมีอาชีพเฉพาะทางต่างๆ ที่อยู่ในความสนใจของเด็ก ๆ อีกอย่างเช่น เกษตรกร โปรแกรมเมอร์ ดีไซเนอร์ สไตลิสต์ สถาปนิก เกมเมอร์ นักเขียนการ์ตูน ช่างแต่งหน้าทำผม นักสืบ และนักข่าว เป็นต้น
เด็กบางคนก็มีเหตุผลในการเลือกอาชีพที่ไม่เหมือนใคร อย่างเช่นอยากเป็นช่างซ่อมรถยนต์ เพราะไปที่อู่แล้วเสียงดัง ก็เลยอยากทำเอง หรืออยากเป็นนักเขียนนิยาย เพราะอยากมีชื่อเสียงเหมือนโคนัน ดอยล์ ซึ่งเป็นผู้แต่งเรื่องเชอร์ล็อค โฮมส์ อยากเป็นนักบินอวกาศเพราะอยากไปเหยียบดวงจันทร์ อยากเป็นนักวิทยาศาสตร์ เพราะอยากรู้ในสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ อยากเป็นนักฟุตบอล เพราะอยากดังเหมือนไลโอเนล เมสซี่ นักฟุตบอลชื่อดังชาวอาร์เจนตินา หรือมีเด็กชายคนหนึ่งอยากเป็นนักบิน เพราะคิดว่าเป็นอาชีพที่ผู้หญิงให้ความสนใจ
ส่วนคำถามที่ถามถึงอาชีพที่เด็ก ๆ คิดว่าดีที่สุดหรือเท่ที่สุด ส่วนมากเด็กมักจะตอบสอดคล้องกับอาชีพในฝันที่อยากเป็นเมื่อโตขึ้น อย่างเช่นฝันอยากเป็นทหาร ก็จะคิดว่าอาชีพทหารเท่ห์ที่สุด หรือฝันอยากเป็นวิศวกร ก็จะคิดว่าอาชีพวิศวกรเท่สุด ส่วนเด็กอีกกลุ่มหนึ่งก็จะมีคำตอบเรื่องอาชีพที่คิดว่าเท่หรือดีที่สุดต่างจากอาชีพในฝัน อย่างเช่นเด็กคนหนึ่งฝัน อยากเป็นนักฟุตบอล แต่คิดว่าอาชีพที่เท่ที่สุดคือนักบิน หรือฝันอยากเป็นทันตแพทย์ แต่คิดว่าอาชีพนักแสดงเป็นอาชีพที่เท่ที่สุด
เมื่อถามถึง 5 สิ่งที่เด็กๆ อยากทำเมื่อเป็นนายกรัฐมนตรี สิ่งที่เด็กส่วนใหญ่ตอบคือ พัฒนาประเทศ ช่วยเหลือคนจน พัฒนาทางด้านการศึกษา ทำให้บ้านเมืองสงบสุข ดูแลให้ประชาชนมีงานทำ นอกจากนี้ยังมีคำตอบอื่น ๆ อย่างเช่น ลดความขัดแย้งในประเทศ พัฒนาเศรษฐกิจ ช่วยชาวนา ปรับปรุงเรื่องน้ำท่วม และปรับปรุงระบบสาธารณูปโภคและคมนาคม จากคำตอบที่ได้รับจะเห็นได้ว่าเด็ก ๆ ให้ความสนใจกับเรื่องปัญหาบ้านเมืองมากยิ่งขึ้น เนื่องจากได้รับรู้และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์ทางการเมืองที่ผ่านพ้นไป
เด็กร้อยละ 97 เห็นว่าการใช้เวลาอยู่กับครอบครัวสำคัญกว่าเรื่องเงิน โดยให้เหตุผลว่าครอบครัวเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด มีคุณค่าทางจิตใจ และทำให้มีความสุข โดยที่เงินไม่สามารถชดเชยหรือซื้อเวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัวได้ ส่วนเด็กร้อยละ 3 ที่เลือกตอบว่าการหาเงินเป็นสิ่งสำคัญกว่า ซึ่งเหตุผลก็คือทำงานหาเงินเพื่อนำมาเลี้ยงดูครอบครัวและตัวเองให้สุขสบาย และเป็นสิ่งที่จะทำให้ครอบครัวมีความสุขได้ แสดงให้เห็นว่าไม่ว่าอย่างไรเด็ก ๆ ก็ยังนึกถึงครอบครัวเป็นหลัก
สิ่งที่เด็กมักใช้เวลาในวันหยุดคือการเรียนพิเศษ เล่นเกม ดูทีวี พักผ่อน ทำกิจกรรมกับครอบครัว และช่วยพ่อแม่ทำงาน โดยที่จะมีความแตกต่างกันบ้างระหว่างเด็กในกรุงเทพและเด็กต่างจังหวัด เพราะสิ่งที่เด็กต่างจังหวัดส่วนใหญ่ใช้เวลาในวันหยุดคือการทำกิจกรรมกับครอบครัวหรือช่วยงานพ่อแม่ ในขณะที่เด็กกรุงเทพมักใช้เวลาไปกับการเรียนพิเศษ ส่วนสิ่งที่เด็กส่วนใหญ่คิดว่าสิ่งที่ทำแล้วสนุกที่สุดในวันหยุดคือการไปเที่ยวหรือใช้เวลากับครอบครัว เล่นเกม เล่นกีฬา หรือเล่นกับเพื่อน ๆ จะเห็นได้ว่าการเรียนพิเศษเป็นสิ่งที่เด็กใช้เวลามากที่สุดในช่วงวันหยุด แต่กลับไม่ใช่ 10 อันดับแรกที่เด็กคิดว่าทำแล้วสนุกที่สุด
ผลการสำรวจยังพบอีกว่า เด็ก ๆ เกินกว่าร้อยละ 50 ยังคงให้ความสำคัญกับการเรียน โดยสิ่งที่อยากทำให้ปีหน้าส่วนใหญ่คือการตั้งใจเรียนหนังสือ และเรื่องไปเที่ยวเป็นเรื่องรองลงมา
สำหรับคำถามที่ว่า “ถ้าเลือกได้ พวกเด็กๆ อยากไปอยู่ประเทศไหนมากที่สุดในโลก” คำตอบ 3 อันดับแรกคือประเทศไทย ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา ตามลำดับ สะท้อนให้เห็นว่าถึงแม้ประเทศไทยจะเผชิญกับปัญหาหรือสถานการณ์ใดก็ตาม เด็ก ๆ ก็ยังอยากอยู่ในประเทศไทยมากที่สุด
“จากผลสำรวจจะเห็นได้ว่าปัจจุบันเด็กไทยมีความคิดเห็นเรื่องอาชีพในฝันหลากหลายมากยิ่งขึ้น อาชีพที่ไม่เป็นที่นิยมในอดีตกลับกลายมาเป็นอาชีพที่เด็ก ๆ ใฝ่ฝันอยากจะเป็น อย่างเช่น อาชีพ เชฟ นักแสดง นักร้อง ช่างแต่งหน้าทำผม และแม้แต่อาชีพเกมเมอร์ ทั้งนี้น่าจะเป็นผลมาจากการที่เด็กๆ สามารถเข้าถึงสื่อต่างๆ ที่ทำให้มองโลกกว้างมากยิ่งขึ้น สื่อทีวี หรือการประกวดต่าง ๆ ที่ช่วยสร้างชื่อเสียง และนำมาซึ่งรายได้ ก็มีอิทธิพลต่อความคิดเห็นในเรื่องอาชีพของเด็กไทยมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้จากคำตอบเรื่องสิ่งที่อยากทำถ้าได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะเห็นได้ว่าสถานการณ์ทางการเมืองในช่วงปีที่ผ่านก็น่าจะมีส่วนทำให้เด็กมีความคิดเห็นเรื่องการเมืองเชิงลึกมากยิ่งขึ้น และอยากมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วย” คุณธิดารัตน์ กาญจนวัฒน์ ผู้อำนวยการส่วนภูมิภาค – ไทยและเวียดนาม กลุ่มบริษัทอเด็คโก้ประเทศไทยกล่าว