กรุงเทพฯ--6 ม.ค.--IR Network
บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) เคาะขายไอพีโอ 2.70 บาท/หุ้น เปิดจองซื้อระหว่างวันที่ 7-9มกราคม 2558 ได้ฤกษ์ลงสนามเทรดในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันที่ 15 มกราคมนี้ พร้อมแต่งตั้ง บล. ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นแกนนำจัดจำหน่ายร่วมกับโบรกเกอร์ชั้นนำอีก 3 แห่ง มั่นใจกระแสตอบรับดีเยี่ยม เหตุอนาคตสดใสมีโอกาสเติบโตต่อเนื่อง “ชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา” ตั้งเป้าปี”59 รายได้แตะ 1,000 ล้านบาท หลังขยายตลาดต่างประเทศ-เพิ่มกำลังการผลิต ปักธงภายใน 3 ปีขึ้นแท่น TOP3 ของอุตสาหกรรมผลิตยางรถจักรยานยนต์ในประเทศ
นายวิชา โตมานะ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน ของ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) เปิดเผยว่า บริษัทได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 65 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 1 บาท ในราคาหุ้นละ 2.70บาท โดยจะเปิดให้จองซื้อหุ้นสำหรับประชาชนทั่วไประหว่างวันที่ 7-9 ม.ค. 2558 และคาดว่าสามารถเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ได้ในวันที่ 15 มกราคมนี้ โดยจะใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ในการซื้อขายว่า "NDR"
พร้อมกันนี้ ยังมีผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 3 แห่ง ประกอบด้วย บริษัทหลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ จำกัด ,บริษัท หลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
"การกำหนดราคาไอพีโอของ NDR ที่ 2.70 บาทต่อหุ้นนั้น เป็นราคาที่ดึงดูดใจ เนื่องจากคิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ประมาณ 11.36 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลกำไรสุทธิ 4 ไตรมาสย้อนหลัง ซึ่งมองว่าเป็นราคาที่เหมาะสมกับปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และเมื่อเทียบกับอัตราส่วน P/E ของตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ โดยรวม ซึ่งผมเชื่อมั่นว่า ราคาดังกล่าวเหมาะสมต่อปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และด้วยสภาวะการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในปัจจุบัน ทำให้เชื่อว่าเมื่อเปิดให้จองซื้อหุ้น NDR จะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี"นายวิชา กล่าวในที่สุด
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) (NDR) ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางรถจักรยานยนต์ และจำหน่ายแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์กล่าวว่า เม็ดเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้จะใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและใช้คืนเงินกู้สถาบันทางการเงินที่ได้กู้ยืมมาเพื่อขยายกิจการในช่วง 2ปีที่ผ่านมา โดยบริษัทได้ขยายกำลังการผลิตยางนอกสำหรับรถจักรยานยนต์ เป็น 3,500,000 เส้น/ปี ซึ่งจะเริ่มใช้กำลังการผลิตดังกล่าวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพในไตรมาส 1/2558 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2,400,000เส้น/ปี โดยการชำระคืนเงินกู้ครั้งนี้จะทำให้ต้นทุนทางการเงินของบริษัทลดลง
“บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 2559 ไว้ที่ 1 พันล้านบาท เนื่องจากการขยายฐานลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ พร้อมวางเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจ ขึ้นแท่นเป็น 1 ใน 3 อันดับแรกของบริษัทในอุตสาหกรรมการผลิตยางรถจักรยานยนต์ในประเทศภายใน 3 ปี (2560) ขณะเดียวกันยังมุ่งเน้นการรักษาคุณภาพของสินค้า และพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้ตรงตามความต้องการของตลาดเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า พัฒนาสินค้าให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ในระยะยาว และสร้างความแตกต่างของผลิตภัณฑ์ นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นขบวนการผลิตที่ไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม”นายชัยสิทธิ์กล่าวในที่สุด
สำหรับผลประกอบการของ บมจ.เอ็น.ดี.รับเบอร์ ที่ผ่านมามีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยปี 2554-2556 มีรายได้จากการขาย 737.92 ล้านบาท 826.94 ล้านบาท 853.00 ล้านบาท ตามลำดับ โดยเหตุผลหลักของการเติบโตของรายได้เนื่องจากปริมาณยอดขายที่เพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะการส่งออกยางนอกรถจักรยานยนต์ไปยังประเทศมาเลเซียซึ่งเป็นลูกค้าหลัก ซึ่งบริษัทมีอัตราการเติบโตสำหรับการส่งออกไปยังประเทศมาเลเซียในปี 2556 คิดเป็น 5.93%เมื่อเทียบกับปี 2555 และอัตราการเติบโตในช่วง 9 เดือนปี 2557 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2556 คิดเป็น 3.96%