กรุงเทพฯ--8 ม.ค.--อาร์เอส
ได้ชื่อว่าเป็นสาวนักบุญ สำหรับ “บุ๋ม-ปนัดดา วงศ์ผู้ดี” พิธีกรคนเก่งจากรายการ “ดาราวาไรตี้โพล” ทาง ช่อง 2 บันเทิง ถึงรส ถึงคุณ ว่าที่เจ้าสาวคนสาว แม้จะโดนถูกมองว่าสร้างภาพ แต่เจ้าตัวยืนยันขอเดินหน้าทำต่อไป เท่านั้นยังไม่พอสาวเจ้ายังขออัพเดตเรื่องงานแต่งงาน โดย “บุ๋ม-ปนัดดา” เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวว่า
อุปการะเด็ก ?
“ตอนนี้จบปริญญาโทไปแล้วคนหนึ่ง เป็นครู แต่เป็นกะเหรี่ยงนะ แต่เป็นครูเป็นอนาคตของประเทศไปแล้ว เราก็สบายใจแล้ว นี่ก็เพิ่งรับเพิ่มมาอีกคนหนึ่งที่สุพรรณ อันนี้เขาอยากเรียนหมอ อันนี้เขาชัดเจนว่าอยากเรียนอะไร บางคนยังมัธยมอยู่เลย แล้วก็มีหลายคนที่เราส่งเงินเป็นรายปีไป อันนั้นเป็นของศุภนิมิตที่เขาจะจัดสรรไป คือเรายังมีแรงให้ได้ เราก็ให้ แล้วทุกครั้งที่เราเห็นเด็กประสบความสำเร็จ บุ๋มจะขอบคุณคนที่ให้งานบุ๋ม ขอบคุณที่ส่งงานให้บุ๋ม ให้บุ๋มได้มีพลังพอที่จะไปแบ่งปันคนอื่น”
มีโอกาสเจอน้องๆ เหล่านั้นไหม ?
“ตลอดค่ะ บางทีก็ส่งตั๋วไปให้เขามาหา เราเลี้ยงเหมือนลูก”
ไม่ค่อยนึกถึงตัวเอง ?
“อือ...ลืมนึก(หัวเราะ) บางทีเลขาถามอยากได้อะไรไหมวันเกิด นึกไม่ออกจริงๆ ส่วนใหญ่จะมองว่าคนที่เรารักมีความสุขรึยัง พ่อแม่มีความสุขรึยัง บุ๋มได้ของขวัญให้ตัวเองแล้ว ปริญญาเอก แฮปปี้แล้วไม่รู้จะต้องการอะไรอีก”
ทำดี แต่คนมองสร้างภาพ ?
“บุ๋มโชคดีที่บุ๋มได้เป็นศิษย์ท่าน ว. ท่านพูดว่าเอาความดังมาสร้างความดี ใครจะว่าสร้างภาพก็ปล่อยเขาไป เพราะภาพดีๆ มีอะดีแล้ว ช่วยสังคมมันดี สร้างภาพแล้วดีสร้างไปเถอะ อยากจะดูแต่ข่าวเสียๆ ของดาราหรือยังไง ดาราทำดีมันทนไม่ได้เหรอ(ยิ้ม) ท่านบอกว่าไม่เป็นไร เรารู้ตัวว่าเราเป็นคนดี คิดดี พูดดี”
ไม่เคยท้อเลย ?
“จะพูดแบบนั้นก็คงไม่ใช่ มีท้อบ้าง อย่างเรื่องที่บุ๋มออกมมรต่อสู้เรื่องกฎหมายข่มขืน บุ๋มรู้สึกว่าเราแค่เป็นดาราคนหนึ่งอยากทำอะไรดีๆ บ้าง เราเป็นแม่ของลูกสาว แค่รณรงค์เปลี่ยนกฎหมายแล้วฉันก็กลับมาเป็นดาราเหมือนเดิม ทำไมต้องออกมาด่ากันขนาดนี้ เราไม่เข้าใจไง เราก็เลยได้เข้าใจว่าสังคมมันเป็นแบบนี้ ทำอะไรก็ไม่ทำ แต่พอเห็นคนอื่นทำต้องมาด่า”
ณ วันนี้กฏหมายเปลี่ยนแล้ว เราชนะ ?
“เราชนะตัวเองมากกว่า เพราะถ้าวันนี้บุ๋มท้อแล้วถอย มันก็จบ มันเหมือนชนะตัวเองว่าเราได้ทำอะไรสำเร็จเพื่อประเทศชาติอย่างหนึ่งแล้ว”
ความคืบหน้าเรื่องแต่งงานเป็นไงบ้าง ?
“ส่วนใหญ่ให้ชาวบ้านเขาเตรียมให้ เพราะเรารู้เราสองคนเรียบง่ายกันมาก”
เห็นว่าตอนนี้กลายเป็นงานใหญ่ ?
“ตอนนี้แขกกลายเป็นว่า 200 เฉพาะที่นั่งนะ ไม่รวมที่โอเพ่นนะ โอเพ่นนี้คือชาวบ้านนะเราคุมไม่อยู่แล้วไง ตอนนี้ก็กะว่าจะเปิดเป็นตลาด ใครอยากกินอะไรก็กิน(ยิ้ม) เราคิดแค่ว่าจะถวายเพรพระแต่ตอนเย็นก็คิดซะว่าเป็นงานเลี้ยงทานข้าวธรรมดาแล้วกัน อย่าคิดว่าเป็นงานฉลองมงคลสมรส ตอนแรกก็กะว่าจะธรรมดา กินข้าวกับญาติๆ 40 คน เพื่อนสนิทใครบินได้ก็บินเพราะมันไกล แต่ตอนนี้กลายเป็นว่า 200 คน(หัวเราะ)”
จะมีงานเลี้ยงที่กรุงเทพไหม ?
“ไม่เอา เพราะเชื่อว่าคนคิดดีก็มี คนคิดไม่ดีก็เยอะ เรากิจข้าวในหมูครอบครัวพอแล้ว เรารู้สึกว่างานมงคลเราก็อยากได้ยินแต่สิ่งดีๆ ไม่ใช่ให้ใครมานั่งจับผิดว่าจัดงานดีไหม ข้าวมีพอกินไหม ดูแลคนดีพอรึเปล่า เราไม่ต้องการได้ยินอะไรพวกนั้น”
แพลนฮันนีมูน ?
“ก็มีจะไปสวิต กับเยอรมันช่วงปลายๆ กุมภา คือบุ๋มจะไปทำงานรายการทีวีอยู่แล้ว ก็ยังคงทำงานอยู่ดี(หัวเราะ)”
ชีวิตมีแต่งานเจ้าบ่าวน้อยใจไหม ?
“บอกเขาแล้วว่าเราเป็นแบบนี้ เราเปลี่ยนไม่ได้ เขาเป็นคนขี้อาย เขาเป็นคนใจบุญนะ เราทำบุญเขาก็ทำด้วย หลายคนบอกว่ามาคบกับบุ๋มเขามาเกาะบุ๋มดัง แล้วเคยเห็นเขาออกงานไหม”
อยากมีน้องให้อันดามันไหม ?
“มีแว้บๆ แอบคิดบ้าง แต่ยังไม่ได้อะไรเนาะ เพราะตอนนี้เราก็ยังแฮปปี้ดี ชีวิตตอนนี้อันดามันก็สำคัญที่สุด ครอบครัวก็สำคัญที่สุด”
อันดามันงอแงไหม ?
“ไม่ๆ แต่ขี้อ้อน เขาเป็นเด็กที่ดูแลตัวเองได้ เราเลี้ยงเขาแบบให้ดูแลตัวเองได้”
หวงลูกไหม ?
“หวง!! อย่างที่บอกเราทำงานสังคมมาเยอะ เห็นอะไรมาเยอะก็ทั้งห่วง ทั้งหวง ห่วงเรื่องสังคม แต่บุ๋มเองก็ยังห่วงน้อยกว่าพี่สาวนะ พี่สาวนี่ห่วงมาก(ยิ้ม)”