กรุงเทพฯ--9 ม.ค.--mix and match communications
การศึกษา เป็นกลไกสำคัญของการพัฒนาทั้งระบบ เพราะ “รากฐานของบ้านคืออิฐ รากฐานของชีวิตคือการศึกษา” เพราะฉะนั้นเราต้องเรียนรู้เพื่อก้าวให้ทันกระแสแห่งการเปลี่ยนแปลงของสังคม เริ่มจากเตรียมพร้อมตัวเอง เตรียมพร้อมเยาวชน เพื่อประเทศที่มีความพร้อม นำไปสู่การพัฒนาแบบยั่งยืน โดยรักษาสมดุลในด้านเศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการส่งเสริมการเรียนรู้ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญในการเดินหน้าสู่อนาคต พร้อมเปิดประเทศก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ
กระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีความรับผิดชอบโดยตรงในการพัฒนาการศึกษาของเด็ก และเยาวชน ตามแนวนโยบายเร่งด่วน ชูยุทธศาสตร์การยกระดับคุณภาพทางการศึกษาใน 8 ด้านหลัก ภายใต้หลักการ พัฒนาแนวคิด ปลูกฝังความรู้ เตรียมตัวเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ จึงจัดงาน “สพฐ. ก้าวไกล นำการศึกษาไทยสู่อาเซียน” ซึ่งเป็นงานมหกรรมนิทรรศการ และศูนย์แสดงข้อมูลด้านการศึกษาเพื่อนำเสนอทักษะของนักเรียนไทยที่จะก้าวสู่การเป็นพลเมืองของอาเซียนอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการดำเนินงาน จัดกิจกรรมพัฒนานักเรียน บุคลากรทางการศึกษาในสังกัด สพฐ. ผู้ปกครองและประชาชนทั่วไป ผ่านการนำเสนอในรูปแบบโซนการเรียนรู้ 4 โซนหลัก ทั้งโซนนิทรรศการประวัติความเป็นมาอาเซียนและการศึกษาไทย โซนกิจกรรมภาคภาษาอังกฤษ โซนโครงการที่จะพัฒนาต่อยอดในอนาคตของ สพฐ. และโซนการเสวนาพัฒนาการศึกษาไทย
สำหรับการจัดงาน “สพฐ. ก้าวไกล นำการศึกษาไทยสู่อาเซียน” เป็นเวทีเปิดโอกาสให้น้องๆ เยาวชน ได้ก้าวออกมาแสดงความสามารถ การแสดงโชว์ ทักษะด้านภาษา ความรู้ สะท้อนมุมมองความคิดของเด็กไทย และเด็กต่างชาติที่มีโอกาสเข้ามาศึกษาในประเทศไทย ภายใต้โครงการพัฒนาประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค (Education Hub) เพื่อพัฒนาศักยภาพโรงเรียนในสังกัด สพฐ.ที่มีความพร้อมในการบริหารจัดการและการเรียนการสอนให้มีมาตรฐานในระดับสากลเพื่อรองรับนักเรียนต่างชาติ และพัฒนาการสู่เป็นการเป็นศูนย์กลางการศึกษาในภูมิภาค เกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ AEC อย่างสร้างสรรค์ กับกิจกรรมที่หลากหลาย
นอกจากสาระ ความรู้เชิงวิชาการ จากโซนนิทรรศการประวัติความเป็นมาอาเซียนและการศึกษาไทย และโซนการเสวนาพัฒนาการศึกษาไทยแล้วนั้น บรรยากาศภายในงานยังอบอวลไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ของกลุ่มน้องๆ เยาวชน ที่สลับสับเปลี่ยนกันแสดงความสามารถทางด้านภาษา ไม่ว่าจะเป็น ลาว เวียดนาม กัมพูชา จีน และอีกนานาประเทศ เป็นการยกขบวนพาเหรดกลุ่มเยาวชนในประเทศอาเซียนมาร่วมออกบูธในโซนกิจกรรมภาคภาษาอังกฤษ และโซนโครงการที่จะพัฒนาต่อยอดในอนาคตของ สพฐ. ในลักษณะของบูธกลุ่มอาชีพต่างๆ ที่สามารถขยายงานได้อย่างเสรี และเป็นที่นิยมในกลุ่ม AEC เช่น ร้านขายยา ธุรกิจโรงแรม การท่องเที่ยว การค้า ร้านกาแฟ เป็นต้น ทำให้ผู้ร่วมงานต่างประทับใจ ในความสามารถของทั้งเยาวชนไทย และเยาวชนจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาศึกษาในประเทศไทย ซึ่งต่างก็งัดเอาทีเด็ดที่มีออกมาโชว์ ทั้งทักษะภาษา ลีลาการพูด ท่าทางประกอบ และวัฒนธรรมของแต่ละชาติ อย่างไม่มีใครยอมใครกันเลยทีเดียว โดยในการจัดงานครั้งนี้เราได้มีโอกาสร่วมพูดคุยกับเยาวชนเหล่านี้อย่างใกล้ชิด
เริ่มต้นกันที่สาวน้อยแห่งเมืองสุวรรณเขต ประเทศลาว อย่างน้องเจนนี่ - นางสาวเจนตระการ วงค์วิชัย กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย มุกดาหาร เป็นตัวแทนเพื่อน ๆ ชาวลาวในการถ่ายทอดภาษา และบอกเล่าเรื่องราว ผ่านร้านขายยา น้องเจนนี่ ได้เล่าให้ฟังว่า
“หนูเป็นคนสุวรรณเขตโดยกำเนิดและได้รับโอกาสให้เข้ามาศึกษาในประเทศไทยค่ะ ในโรงเรียนมีเพื่อนๆ พี่น้องนักเรียนต่างชาติในโครงการ Education Hub จากประเทศเวียดนามและเกาหลี เรียนรู้ทั้งวิชาการ ภาษา รวมถึงวัฒนธรรมทั้งของประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่ม AEC ซึ่งหนูมองว่าสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญ เป็นพื้นฐานในการประกอบอาชีพและดำเนินชีวิต พวกเราจึงควรเตรียมตัวให้พร้อม รู้เขารู้เรา อาจจะเป็นการเรียนรู้เพิ่มเติมจากครู หนังสือ หรืออินเตอร์เน็ตก็ได้ และที่สำคัญจะต้องไม่ลืมให้ความสำคัญกับการศึกษาด้วยค่ะ” น้องเจนนี่ กล่าวพร้อมกับทิ้งท้ายถึงเป้าหมายในอนาคต ว่า
“โตขึ้นอยากเป็นหมอฟัน เพราะในบ้านเกิดของหนูหมอฟันยังมีอยู่น้อยมาก คิดว่านอกเหนือจากการได้เรียนรู้และเปิดประตูสู่โลกภายนอกแล้ว การได้มีโอกาสนำวิชาความรู้ไปพัฒนาประเทศของตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วยค่ะ”
ต่อด้วยหนุ่มน้อยชาวเวียดนาม ที่มาลงหลักปักฐานอยู่ที่เมืองไทย อย่าง น้องเจมส์ - นายอภิวัฒน์ ดาวภคนันท์ ที่กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 และสาวน้อยลูกผสมไทย-เวียดนาม อย่าง น้องเค้ก – นางสาวนวพร จันทร์สุข กำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปทุมเทพวิทยาคาร จ.หนองคาย ที่มาร่วมสาธิตการใช้ภาษาเวียดนามในการค้าขายผลไม้โดย น้องเจมส์ เล่าให้ฟังว่า
“เด็กๆ อย่างพวกเราในวันนี้จะต้องเป็นกำลังที่สำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปครับ ด้วยพื้นฐานของการศึกษา การเรียนรู้ เข้าใจ และสามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้จริง เหมือนอย่างภาษาที่หลายคนมองว่ายาก เพราะยังไม่ได้ลองศึกษาดูจริงๆ แต่ถ้ามีความชอบ และอยากจะเรียนรู้ ก็จะเป็นสิ่งที่สนุกมาก พวกเราอยากพูดได้หลายๆ ภาษา จะได้เดินทางไปในประเทศต่างๆ ไปเรียนรู้สังคม วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ แล้วนำสิ่งดีๆ ในประเทศนั้นๆ กลับมาพัฒนาประเทศเราให้เท่าทันกลุ่มประเทศอาเซียนและประเทศอื่นๆ ต่อไปครับ” น้องเจมส์ กล่าว
ด้าน น้องเค้ก ก็ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกด้วยว่า
“ในการเปิดประชาคมอาเซียนที่ใกล้มาถึงนี้ ถือเป็นเรื่องที่ดีมากเพราะเป็นการเปิดให้ทุกคนมีความเท่าเทียมกัน สามารถเลือกทำงานได้หลากหลายมากขึ้น แต่สิ่งสำคัญที่สุดในการใช้สื่อสารกับประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนนั่นก็คือ ภาษา เค้กก็อยากให้เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ หันมาตั้งใจเรียนภาษาให้มากขึ้น เพราะต้องยอมรับว่าภาษาเป็นเรื่องที่สำคัญกับเรามาก ๆ ถ้าเรามีการใช้ภาษาที่ดี เราก็จะมีโอกาสดีๆ ในการทำงาน และมีชีวิตที่ดีอย่างแน่นอนค่ะ” น้องเค้ก กล่าวเสริม
ปิดท้ายด้วย น้องฟ้า – เด็กหญิงทากุรานิ สายฟ้าสุทธิชนม์ ซามารา สาวน้อยลูกครึ่งไทยอเมริกา กำลังศึกษาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนคลองเกลือ จังหวัดนนทบุรี เล่าให้ฟังว่า
“หนูคุ้นเคยและพูดภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เด็กๆ จึงถือเป็นข้อได้เปรียบเพราะคุณพ่อเป็นคนอเมริกัน ทำให้ต้องใช้ภาษาอังกฤษบ่อย และชอบภาษาอังกฤษไปในที่สุด แต่สำหรับเพื่อนๆ ในห้องหลายๆ คนจะไม่ชอบเพราะมองว่ายาก ซึ่งจริงๆ แล้วหนูเชื่อว่าถ้าทุกคนพยายามก็จะสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ดีอย่างแน่นอนค่ะ รวมไปถึงภาษาอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ถ้าหากเราได้ลองพยายามและหมั่นฝึกฝน อาจจะเป็นการท่องศัพท์ สะกดคำ สนทนากับเพื่อนๆ ในชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่การดูหนัง ฟังเพลง ก็สามารถทำให้เราได้ซึมซับกับภาษาได้มากขึ้น ลองมาเริ่มต้นกันตั้งแต่ตอนนี้ ก็ยังไม่สายค่ะ” น้องฟ้า กล่าวอย่างร่าเริง
การเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ต้องเริ่มต้นจากตัวเราเองก่อน “ภาษา” เป็นสิ่งที่สำคัญและจำเป็นอย่างมาก อยากให้ทุกคนลองปรับทัศนคติเปลี่ยนจากคำว่า “ยาก” มาเป็นคำว่า “สนุก” ดู เพราะถ้าเราสนุกที่จะเรียนรู้ รับรองว่าเป้าหมายอยู่ใกล้แค่เอื้อม...