กรุงเทพฯ--12 ม.ค.--อาร์เอส
“อาร์เอส” ปักธงรบกระหึ่มวงการ เดินหน้าเปิดแผนธุรกิจบุกปีแพะทอง รุกปรับเป้าหมายใหม่เป็นบริษัทสื่อชั้นนำ ชูคอนเซ็ปต์ "มีเดีย เรโวลูชั่น (Media Revolutionist 2015)" ใช้กลยุทธ์ “คอร์ปอเรต รีดีไซน์ (Corporate Redesign)” ในทุกมิติทั้งในเรื่องของคอนเทนต์, การบริหารลูกค้าและบุคลากร รวมถึงการสร้างแบรนด์ ดันองค์กรก้าวสู่ธุรกิจมีเดียเต็มสูบ ตั้งเป้าขึ้นแท่นผู้นำอุตสาหกรรมทีวีแห่งปีของเมืองไทย คาดสิ้นปีนี้โกยรายได้ทะลุ 4.6 พันล้านบาท ดันกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องด้วยการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจสื่ออย่างเต็มตัว และเป็นปีที่ทำธุรกิจทีวีดิจิตอลโดยสมบูรณ์เป็นปีแรก
ลาดพร้าว-นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า หลังจากปี 2557 ที่ผ่านมา วงการโทรทัศน์ในประเทศไทยมีการตื่นตัวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์กับการส่งสัญญาณให้รับชมฟรีทีวีด้วยระบบดิจิตอล ที่เริ่มออกอากาศตั้งแต่เดือนเมษายน 2557 โดยในส่วนของ “อาร์เอส” เป็นผู้นำธุรกิจบันเทิงมากว่า 30 ปี จึงได้วางกลยุทธ์รุกสู่การเป็นมีเดีย เรโวลูชั่น (Media Revolutionist) คือ ก้าวเข้าสู่ “ธุรกิจมีเดีย” ดำเนินทั้งธุรกิจดิจิตอลทีวีและแซทเทลไลท์ทีวี รวมถึงวิทยุ ได้แก่ ช่อง 8 ดิจิตอลทีวี, ช่อง 2, สบายดีทีวี, ยูแชนแนล, คูล 93 ที่ครองอันดับ 1 บนหน้าปัดวิทยุตลอดกาล และ 88.5 สบายดีเรดิโอ เนื่องจากมองว่าเป็นธุรกิจที่ทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ดี ขณะเดียวกันยังคงดำเนินธุรกิจ “ธุรกิจเพลง” ซึ่งบริษัทฯ มีความถนัดและทำได้ดีอยู่แล้ว เพียงแต่ปรับโครงสร้างการสร้างรายได้มุ่งผลิต เพื่อต่อยอด “ธุรกิจมีเดีย” ทำให้เกิดโอกาสใหม่และเกิดประโยชน์ต่อผลประกอบการสูงสุด ทำให้ปัจจุบันทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ประกอบด้วย 3 ธุรกิจหลัก คือ ธุรกิจมีเดีย ธุรกิจเพลง และธุรกิจอีเวนต์
“อาร์เอสวันนี้ไม่ใช่บริษัทเดิมที่ทำค่ายเพลงอย่างที่หลายคนรู้จักและคุ้นเคยอีกต่อไป แม้ทีมงานบริหารทั้งหมดจะเป็นทีมเดิม แต่การปรับโมเดลการทำธุรกิจด้วยความเข้าใจจากประสบการณ์รวมถึงแนวคิดที่ทันต่อกระแสการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ทำให้มีการปรับเป้าหมายสู่ธุรกิจมีเดียเต็มรูปแบบ ทำให้โครงสร้างพื้นฐานทั้งในแง่รายได้และกำไรได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ยิ่งถ้าได้เห็นทิศทางและกลยุทธ์ที่วางไว้ในปีนี้จะยิ่งเห็นภาพการเดินหน้ามุ่งสู่ระดับผู้นำอุตสาหกรรมทีวีเมืองไทยที่แข็งแกร่งและมีคุณภาพต่อไป” นายสุรชัย กล่าว
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปีนี้ใช้กลยุทธ์ “คอร์ปอเรต รีดีไซน์ (Corporate Redesign)” ในทุกมิติทั้งในเรื่องของคอนเทนต์, การบริหารลูกค้าและบุคลากร รวมถึงการสร้างแบรนด์ เพื่อตอบโจทย์การเป็น Media Revolutionist 2015 มุ่งพัฒนาคอนเทนต์ให้มีคุณภาพ เข้าถึงได้ง่าย หลากหลาย เข้าถึงทุกกลุ่มเป้าหมาย และซีเนอจี้ (Synergy) เข้าด้วยกันระหว่างกลุ่มทุกธุรกิจคอนเทนต์และมีเดีย โดยตั้งเป้าสิ้นปีนี้จะมีรายได้รวมอยู่ที่ 4.6 พันล้านบาท แบ่งสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจมีเดีย 80% ธุรกิจเพลง 10% และการจัดอีเวนต์ 10% และเชื่อว่าอัตราการทำกำไรสุทธิจะอยู่ที่ประมาณ 15% โดยกำไรจะเติบโตกว่าเท่าตัวถือเป็นอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท เนื่องด้วยการเปลี่ยนโมเดลธุรกิจเข้าสู่ธุรกิจสื่ออย่างเต็มตัว ประกอบกับปีนี้จะเป็นปีของการดำเนินธุรกิจทีวีดิจิตอลโดยสมบูรณ์เป็นปีแรก
ด้าน ภาพรวมอุตสาหกรรมทีวีเมืองไทยในปีนี้จะยังคงมีโอกาสเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีเม็ดเงินโฆษณาใช้จ่ายผ่านสื่อทีวีเติบโตตามไปด้วยเพราะเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงการส่งสัญญาณรับชมฟรีทีวีด้วยระบบดิจิตอลตลอด 1 ปีที่ผ่านมาเริ่มมีความชัดเจนยิ่งขึ้นในปีนี้เนื่องจากผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มคุ้นเคยกับช่องทางเลือกใหม่ในการเลือกรับชมฟรีทีวีมากขึ้น ส่งผลให้คอนเทนต์จะยิ่งทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะผู้ครอบครองคอนเทนต์ดีและมีศักยภาพเท่านั้นที่จะสามารถเข้าถึงผู้บริโภคทุกกลุ่มเป้าหมายได้แบบเบ็ดเสร็จ ซึ่ง “อาร์เอส” ในฐานะก้าวเข้าสู่อุตสาหกรรมทีวีเต็มรูปแบบจึงได้คัดสรรละคร เพลง กีฬา รายการ เกมโชว์ที่ดี มีคุณภาพ และถูกใจประชาชนมาให้เป็นทางเลือกใหม่เหมาะสมตามกลุ่มเป้าหมายของสื่อแต่ละประเภทที่บริษัทดำเนินงานส่งผลให้การบริหารจัดการรายได้และต้นทุนมีประสิทธิภาพ รวมถึงผลการดำเนินงานเป็นไปตามเป้าหมายและแผนงานที่วางไว้ คือก้าวสู่ระดับผู้นำอุตสาหกรรมทีวีเมืองไทยอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ อาร์เอส ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าความรู้ ความเข้าใจในการสร้างเนื้อหาสำหรับธุรกิจสื่อได้ผลักดันให้เราเปลี่ยนโฉมหน้าจากค่ายเพลงและบริษัทผลิตคอนเทนต์ที่หลากหลายมาเป็นเจ้าของสื่ออย่างเต็มภาคภูมิ ในปีนี้ตลาดจะได้เห็นอาร์เอสในฐานะ หนึ่งในเกม เชนเจอร์ (game changer) คนสำคัญในแวดวงโทรทัศน์ของเมืองไทย
"ด้วยความสำเร็จในการบริหารธุรกิจสื่อของอาร์เอส ทำให้เรามีความมั่นคงทางการเงินที่สูง พร้อมที่จะใส่เงินผลิตรายการอีกกว่าพันล้านเพื่อให้ทุกช่องสามารถชิงสายตาคนดูและยึดพื้นที่หัวตารางทีวีไทยให้ได้ต่อเนื่อง อีกทั้งเตรียมเงินลงทุน (Capex) อีกไม่ต่ำกว่า 300 ล้านเพื่อยกระดับระบบการถ่ายทำรายการและการออกอากาศให้ช่องอาร์เอสทั้งหมดมีมาตรฐานเป็นทีวีระดับชาติ เรามีโครงสร้างทุนที่เหมาะสม สุขภาพทางการเงินดีเยี่ยม การขยายธุรกิจในปีนี้จึงไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุนใดๆ คาดว่าจะได้เห็นกำไรต่อหุ้น (EPS) เติบโตแบบเต็มเม็ดเต็มหน่วยจากนี้ไป" นายสุรชัย กล่าวทิ้งท้าย