กรุงเทพฯ--14 ม.ค.--ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
บมจ. เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) ผู้ผลิตและจำหน่ายยางรถจักรยานยนต์ พร้อมเข้าซื้อขาย 15 ม.ค. โดยเป็น บจ.เข้าใหม่ใน mai ลำดับที่ 2 ของปีนี้
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ. เอ็น.ดี.รับเบอร์ (NDR) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมในวันที่ 15 มกราคม 2558 โดย NDR ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางรถจักรยานยนต์ ภายใต้ตราสินค้า "ND Rubber" และรับจ้างผลิตยางรถจักรยานยนต์ ให้กับกลุ่มอุตสาหกรรมผลิตรถจักรยานยนต์ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นตัวแทนจำหน่ายแบตเตอรี่รถจักรยานยนต์และรถยนต์ โดยจำหน่ายผ่านตัวแทนจำหน่ายยางรถจักรยานยนต์ของบริษัทซึ่งมีอยู่ประมาณ 270 รายทั่วประเทศ และมีบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนยานยนต์ที่ผลิตจากยาง
NDR มีทุนชำระแล้ว 215 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 150 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 65 ล้านหุ้น โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 63.50 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อผู้บริหาร (ที่มิใช่กรรมการ) ของบริษัท และพนักงานของบริษัท จำนวน 1.50 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 7-9 มกราคม 2558 ในราคาหุ้นละ 2.70 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 175.50 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 580.50 ล้านบาท โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ NDR เปิดเผยว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai นับเป็นอีกก้าวสำคัญที่จะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ชื่อเสียง ความแข็งแกร่งทางด้านเงินทุน และเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจเพื่อให้บริษัทบรรลุเป้าหมายในการขยายส่วนแบ่งทางการตลาดและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งใน 3 อันดับแรกในอุตสาหกรรมการผลิตยางรถจักรยานยนต์ในประเทศภายใน 3 ปี ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินระดมทุนส่วนหนึ่งไปชำระคืนเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ
NDR มีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 ลำดับแรกหลัง IPO ได้แก่ กลุ่มสัมฤทธิวณิชชา ถือหุ้น 69.79% กลุ่มปรุงพัฒนสกุล ถือหุ้น 2.95% และ Phillip Securities PTE.,LTD. ถือหุ้น 0.93% การกำหนดราคาเสนอขายหุ้นครั้งนี้คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E Ratio) ที่ 11.36 เท่า คำนวณจากผลประกอบการ 4 ไตรมาสล่าสุด (1 ต.ค. 2556 – 30 ก.ย. 2557) ซึ่งเท่ากับ 51.08 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ (fully diluted) คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.24 บาท ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิหลังจากหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กฎหมายกำหนด
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ โปรดดูรายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.ndrubber.co.th และที่เว็บไซต์ www.mai.or.th
สื่อมวลชนสอบถามข้อมูลได้ที่ฝ่ายสื่อสารองค์กร อารดา กุลตวนิช 0 2229 2796/ อรสิริ บุญแต้ม 0 2229 2799/ กนกวรรณ เข็มมาลัย 0 2229 2048