กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--IR PLUS
HOTPOT เผยปี 2558 คาดรายได้เติบโตจากปี 2557 ได้ และหวังพลิกมีกำไรสุทธิได้ โดยใช้แบรนด์ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์, ฮอท พอท สุกี้ ชาบู, ฮอท พอท เพรสทีจ รวมทั้งไดโดมอน ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น และซิกเนเจอร์ สเต๊ก ลอฟต์ (Signature Steak Loft) ร้านสเต๊กมีสไตล์รสชาติสุด "นัว" และเดินหน้ายกระดับมาตรฐานอาหาร รสชาติ การบริการ ให้ดีขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ โดยเฉพาะ ฮอท พอท บุฟเฟ่ต์ ที่มีกว่า 140 สาขาทั่วประเทศ ส่วนซิกเนเจอร์ สเต๊ก ลอฟต์ (Signature Steak Loft) ซึ่งเป็นร้านอาหารประเภทสเต๊ก ที่เอาใจกลุ่มผู้บริโภคที่ต้องการรับประทานสเต๊กรสชาติสุด “นัว” ที่มีหลากหลายเมนูให้เลือก ภายในบรรยากาศมีสไตล์ ผ่อนคลายอบอุ่น โดยเปิดสาขาแรกที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 และเตรียมขยายสาขาอีก 5-10 สาขาในปีนี้ เพื่อสร้างพอร์ตธุรกิจอาหารให้ครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภค "สกุณา บ่ายเจริญ" ผู้บริหารหญิง ย้ำการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของแบรนด์ ทั้งคุณภาพอาหาร รสชาติ การบริการเป็นซึ่งหัวใจสำคัญของธุรกิจอาหารมากกว่าโปรโมชั่นลดราคา ทั้งนี้เพื่อให้ ฮอท พอท เป็นร้านอาหารหนึ่งในใจผู้บริโภค
นางสาวสกุณา บ่ายเจริญ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฮอท พอท จำกัด (มหาชน) หรือ HOTPOT ผู้นำธุรกิจร้านอาหารบุฟเฟ่ต์แบบนานาชาติ ภายใต้แบรนด์ ฮอท พอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์, ฮอท พอท สุกี้ ชาบู, ฮอท พอท เพรสทีจ รวมทั้งไดโดมอน ร้านอาหารปิ้งย่างสไตล์ญี่ปุ่น และซิกเนเจอร์ สเต๊ก ลอฟต์ (Signature Steak Loft) กล่าวว่า HOTPOT คาดว่ารายได้ในปี 2558 จะเติบโตจากปี 2557 และสามารถพลิกกลับมามีกำไรอย่างต่อเนื่องจากปีก่อนซึ่งได้รับผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ยอดขายไม่เป็นไปตามเป้า ประกอบกับผลขาดทุนจากการปิดสาขาที่มีไม่ทำกำไร เพื่อจะทำให้ผลประกอบการในภาพรวมของ HOT POT กลับมีกำไรได้
สำหรับแบรนด์ภายใต้การบริหารของ HOT POT GROUP ณ สิ้นปี 2557 มีจำนวนทั้งสิ้น 144 สาขา ประกอบด้วย ฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ (HOT POT INTER BUFFET) จำนวน 126 สาขา (รวมฮอทพอท อินเตอร์ บุฟเฟ่ต์ ที่เพิ่มเตาปิ้งย่าง 31 สาขา), ฮอท พอท เพรสทีจ (HOT POT PRESTIGE) จำนวน 1 สาขา, ฮอท พอท สุกี้ชาบู (HOT POT SUKI SHABU) จำนวน 4 สาขา, ไดโดมอน (DAIDOMON) จำนวน 12 สาขา และได้ขยายธุรกิจแบรนด์ใหม่ล่าสุดในชื่อ “Signature Steak Loft” เพื่อเป็นการขยายพอร์ตธุรกิจร้านอาหารให้ครอบคลุมกับความต้องการของผู้บริโภค โดยเริ่มเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2557 ที่ผ่านมา จำนวน 1 สาขา ที่เซ็นทรัลพลาซา พระราม 2 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมาก จึงมั่นใจว่าจะเป็นธุรกิจใหม่ที่เข้ามาสนับสนุนผลประกอบการในภาพรวมบริษัทฯ ให้มีรายได้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยมีแผนขยายสาขาเพิ่มอีก 5-10 สาขาภายในปีนี้ ซึ่งขณะนี้กำลังศึกษาหาพื้นที่ภายในศูนย์สรรพสินค้าในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล
อย่างไรก็ตาม นอกจากการขยายสาขาและจัดกิจกรรมทางการตลาด เพื่อกระตุ้นยอดขายแล้ว ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการจัดกลุ่มแบรนด์ เพื่อให้แต่ละแบรนด์มีความชัดเจนมากขึ้น รวมถึงการปิดสาขาที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร ซึ่งจะสนับสนุนให้ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
“บริษัทฯ เน้นการยกระดับคุณภาพอาหาร รสชาติ การบริการ ให้มีมาตรฐานระดับสูงขึ้น เพื่อให้เราเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้บริโภคเลือกใช้บริการ โดยหากอาหารมีคุณภาพและรสชาติดี บริการอย่างประทับใจ แบรนด์จะมีความแข็งแรง ลูกค้ามีความเชื่อมั่นทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการ มากกว่าการพึ่งพาโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมเรียกลูกค้า ซึ่งจะส่งผลดีในภาพรวม ทั้งต่อแบรนด์และลูกค้า" นางสาวสกุณา กล่าว