กรุงเทพฯ--16 ม.ค.--สำนักงาน กปร.
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงอุทิศพระวรกายโดยไม่ย่อท้อ หรือลดละความเพียรพยายามในการนำความสุขและความสงบอย่างยั่งยืนมาสู่พสกนิกรชาวไทยทุกคน พระองค์ทรงประพฤติปฏิบัติเป็นแบบอย่างที่ดีอันประเสริฐแก่ทุกคนทุกวงการ โดยเฉพาะอาชีพครูในฐานะผู้ถ่ายทอด ทรงย้ำเน้นการจัดการเรียนการสอนที่เอื้อต่อผู้เรียนเป็นสำคัญ
เพื่อให้ผู้เรียนมีพื้นฐานของครู เกิดความสนใจตามความถนัดที่แตกต่างกันให้ได้เรียนรู้ด้วยวิธีการที่ลากหลาย ทรงเน้นการสาธิต การทดลอง การแก้ปัญหาจริง การลงมือปฏิบัติจริง ศึกษาจากสถานที่และเหตุการณ์ ก่อเกิดการค้นคว้าสร้างองค์ความรู้ได้ด้วยพระองค์มาอย่างต่อเนื่อง และที่สำคัญทรงมีสายพระเนตรอันยาวไกล ได้พระราชทานพระราชดำริให้มีการจัดการศึกษาหลากหลายรูปแบบเพื่อราษฎรทุกระดับชั้น ที่ล้วนก่อเกิดความสำเร็จสร้างบุคลากรที่ทรงคุณค่าต่อการพัฒนาประเทศเป็นอย่างยิ่ง
เพื่อเป็นการสานต่อและก้าวเดินตามเบื้องพระยุคลบาท ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ สำนักงานคณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ( สำนักงาน กปร. ) จึงได้จัดโครงการ” เครือข่ายสถาบันการศึกษาสืบสานพระราชดำริ “ ขึ้น โดยมีคณาจารย์จากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการฯ
โอกาสนี้ นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ได้ กล่าวในระหว่างเป็นประธานพิธีเปิดโครงการฯ ณ อาคารสำนักงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ กรุงเทพมหานคร ความว่า องค์ความรู้การพัฒนาตามแนวพระราชดำริ นั้น เกิดขึ้นด้วยพระปรีชาสามารถและพระวิริยะอุตสาหะของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยพระราชหฤทัยที่จะนำประโยชน์สุขสู่พสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลา 65 ปี ที่ทรงครองสิริราชสมบัติ พระองค์ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน ด้วยการทรงงานอย่างหนัก ทรงเป็นอาจารย์แห่งแผ่นดิน ตามความหมายของคำว่า อาจาริยะ ซึ่งหมายถึงผู้ถ่ายทอดความรู้แก่ศิษย์ ดังที่ได้ประจักษ์แจ้ง จริยวัตรอันงดงามตามหลักทศพิธราชธรรม พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างของครูทั้งหลาย ด้วยการทรงงานอย่างหนักเพื่อพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่ของพสกนิกรของพระองค์ทรงถ่ายทอดความรู้ที่สั่งสมจากการทรงงาน ทั้งที่เป็นพระราชดำรัส พระราชดำริ สมดั่งที่รัฐบาลได้ถวายพระราชสมัญญานามว่า “พระผู้ทรงเป็นครูแห่งแผ่นดิน” เป็นราชสดุดีเนื่องในโอกาสมหามงคลพระชนมพรรษา 80 พรรษา 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554
ไม่เพียงแต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเท่านั้นที่ได้รับการถวายพระราชสมัญญานามว่า ครูแห่งแผ่นดิน หากแต่สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ ซึ่งทรงประกอบพระราชกรณียกิจเคียงข้างพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาโดยตลอดก็ได้รับการถวายพระราชสมัญญานามจากรัฐบาลเช่นกันว่า “พระผู้ทรงเป็นแม่และเป็นครูของแผ่นดิน” เนื่องในโอกาสมงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรา 12 สิงหาคม พ.ศ. 2556
“ท่านทั้งหลายซึ่งเป็นครู เป็นอาจารย์ด้วยนั้น ควรจะภาคภูมิใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท สืบสานหน้าที่ความเป็นครู ในการถ่ายทอดความรู้ ความเข้าใจ ขัดเกลา จรรยา ความประพฤติ ให้แก่เยาวชนของชาติ และถือเป็นโอกาสอันดีที่ท่านทั้งหลายได้เข้าร่วมโครงการนี้เป็นรุ่นแรก เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจในพระอัจฉริยภาพและพระปรีชาสามารถ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระมหากรุณาธิคุณแห่งองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ ซึ่งได้แสดงให้เห็นประจักษ์ผ่านโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในด้านต่างๆ และเป็นที่ยอมรับจากนานาประเทศ” นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี กล่าว
อนึ่ง องคมนตรี ยังได้กล่าวถึงประโยชน์ที่พึงเกิดขึ้น ดังพระบรมราโชวาท ความตอนหนึ่งว่า "ผู้ที่เป็นครูจะต้องถือเป็นหน้าที่อันดับแรก ที่จะต้องให้การศึกษา คือ สั่งสอนอบรมอนุชน ให้ได้ผลแท้จริง ทั้งในด้านวิชาความรู้ ทั้งในด้านจิตใจและความประพฤติ ทั้งต้องคิดว่างานที่แต่ละคนกำลังทำอยู่นี้ คือความเป็นความตายของประเทศ เพราะอนุชนที่มีความรู้มีความดีเท่านั้น ที่จะรักษาชาติบ้านเมืองไว้ได้"
“กระผมขอให้ครูอาจารย์ทั้งหลายที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ ประจักษ์และยึดถือในพระบรมราโชวาทนี้ ซึ่งแม้จะพระราชทานไว้หลายปีแล้ว แต่ก็ยังมีความเป็นปัจจุบันอยู่เสมอ ซึ่งเชื่อว่าทุกท่านจะสืบสานพระราชปณิธานและพระราชดำรัสทั้ง 2 พระองค์ไว้สืบไป”
จะเห็นได้ว่า ทรงเป็นครูของแผ่นดินอย่าง แท้จริง ดังนั้น ต่อไปท่านคณาจารย์คงจะต้องทำหน้าที่เป็นสื่อกลางสำคัญในการถ่ายทอด ปลูกฝังความรู้จากแนวพระราชดำริ ตลอดรวมถึงนำผลสำเร็จจากการพัฒนาส่งต่อยังนิสิต นักศึกษา ซึ่งเป็นพลังสำคัญในการสร้างความเจริญและมั่นคงให้แก่ประเทศชาติ ให้มีความรู้ความเข้าใจและสามารถน้อมนำพร้อมกับร่วมสืบสานพระราชดำริได้อย่างถูกต้องเหมาะสมและชัดเจน อันจะส่งผลถึงการพัฒนาที่สอดรับกับการสร้างรากฐานที่มั่นคงในการพัฒนาประเทศต่อไป