UACตั้ง บ.ย่อย เทคโอเวอร์ “แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอล”มูลค่า 730 ลบ. เสริมทัพรุกตลาด AEC จ่อปรับเป้ารายได้ปี58หลังบุ๊ครายได้ธุรกิจใหม่ทันที400ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 20, 2015 11:12 —ThaiPR.net

กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ บมจ. ยูเอซี โกลบอล หรือ UAC ตั้งบริษัทย่อย “ยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคัลส์” เข้าซื้อกิจการ “แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอล” หรือ APC ผู้ประกอบการด้านผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ มูลค่า 730 ล้านบาท ปูทางเสริมทัพธุรกิจเคมีภัณฑ์ รุกขยายตลาดในประเทศ และต่างประเทศ ด้านประธานเจ้าหน้าที่บริหาร “กิตติ ชีวะเกตุ” เผยปลายไตรมาส 1/58 ปิดดีลซื้อAPC เสร็จ พร้อมบุ๊ครายได้ทันที 300-400 ล้านบาท นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูเอซี โกลบอล จำกัด (มหาชน) หรือ UAC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2558 มีมติให้บริษัทจัดตั้งบริษัท ยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด เป็นบริษัทย่อย โดยมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท เพื่อเข้าซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของ บริษัท แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคอล จำกัด หรือ APC ซึ่งประกอบธุรกิจผู้ผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ มูลค่าไม่เกิน 730 ล้านบาท โดยแหล่งเงินทุนที่ใช้มาจากการกู้ยืมเงินของบริษัทย่อยจากสถาบันการเงินจำนวนประมาณ 450 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท สำหรับ APC ประกอบธุรกิจเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายเคมีภัณฑ์ โดยมีผลิตภัณฑ์หลัก คือ เคมีภัณฑ์ประเภทลาเท็กซ์อีมัลชั่น (โพลิเมอร์อีมัลชั่น และโพลิเมอร์โซลูชั่น) ที่ใช้ในอุตสหกรรมต่างๆ ได้แก่ อุตสาหกรรมสีและอุตสาหกรรมก่อสร้าง การเคลือบ อุตสาหกรรมหมึกพิมพ์ อุตสาหกรรมผลิตวัสดุจากใยสังเคราะห์ เพื่อนำมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม กาว เทปกาว กระดาษและบรรจุภัณฑ์ เป็นต้น โดยผลิตภัณฑ์เกือบทั้งหมดจำหน่ายให้กับลูกค้าในประเทศ ทั้งนี้ประโยชน์ที่บริษัทคาดว่าจะได้รับจากการเข้าซื้อกิจการของ APC ในครั้งนี้ คือ การได้ฐานลูกค้าทั้งหมดของ APC ทำให้สามารถขยายตลาด และการเพิ่มสินค้าใหม่เพิ่มขึ้น ทั้งจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของบริษัทให้กับฐานลูกค้าของ APC และการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ของโรงงาน APC ให้แก่กลุ่มลูกค้าเดิมของบริษัทฯ รวมทั้งยังเป็นการปรับสมดุล สามารถเพิ่มสัดส่วนยอดขายสินค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมให้ใกล้เคียงกับยอดขายในกลุ่มพลังงานเพื่อลดการพึ่งพาลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง และยังเป็นการเพิ่มโอกาสในการทำการตลาดในต่างประเทศ โดยผลิตภัณฑ์ของ APC มีความต้องการสูงมากในประเทศที่กำลังพัฒนา ซึ่งในอนาคตบริษัทมุ่งเน้นขยายตลาดในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น เมียนมาร์ ลาว และกัมพูชา ถือเป็นการเพิ่มความสามารถในการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต เป็นการขยายธุรกิจไปสู่การเป็นผู้ผลิตในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ เพิ่มเติมจากการเป็นผู้นำเข้าจำหน่ายผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ นอกจากนี้การเข้าซื้อกิจการ APC จะทำให้บริษัทสามารถมีรายได้ และกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น โดยหลังจากการเข้าทำรายการแล้ว บริษัทจะรวมงบการเงินของบริษัทย่อยที่เข้าซื้อกิจการเข้ามาในงบการเงินรวมของบริษัท ซึ่งที่ผ่านมา APC มีผลการดำเนินงานที่มีกำไรอย่างต่อเนื่องทุกปี ทั้งหากพิจารณาตัวเลขผลการดำเนินงานของ APC ย้อนหลัง 3 ปีที่ผ่านมาพบว่าเป็นธุรกิจที่มีผลประกอบการที่ดี มีรายได้รวมจำนวน 437.15 ล้านบาท กำไรสุทธิที่ระดับ 52.61 ล้านบาท ส่วนปี 2555 มีรายได้รวม 410 ล้านบาท กำไรสุทธิ 73.66 ล้านบาท ในปี 2556 รายได้รวม 396.94 ล้านบาท กำไรสุทธิ 67.92 ล้านบาท และผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2557 มีรายได้รวมแล้ว 337.15 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 55.89 ล้านบาท ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. ยูเอซี โกลบอล (UAC ) กล่าวเพิ่มว่า บริษัทจะสามารถโอนกิจการทั้งหมดของ APC มายังบริษัทยูเอซี แอ็ดวานซ์ โพลิเมอร์ แอนด์ เคมิคัลส์ จำกัด แล้วเสร็จได้ภายในปลายไตรมาส 1/2558 ซึ่งจะส่งผลบวกต่อผลการดำเนินงานของบริษัทแม่ เพราะจะสามารถบันทึกรายได้ของ APC เข้ามาทันทีประมาณ 300- 400 ล้านบาท ซึ่งจะส่งผลให้ประมาณการการเติบโตของรายได้ในปี 2558 มีทิศทางที่ดีขึ้น จากประมาณการเดิมที่เคยคาดการณ์ไว้ประมาณ 1,200 – 1,300 ล้านบาท “บริษัทฯเล็งเห็นว่าธุรกิจของ APC จะส่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจเทรดดิ้งของบริษัทในอนาคต ด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ฐานลูกค้าที่มีความหลากหลาย และยังเป็นการปูทางไปยังแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ และในประเทศเพิ่มมากขึ้น และมองว่าในระยะยาวจะสร้างผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งให้กับบริษัทแม่อย่าง UAC ได้ในอนาคต” นายกิตติ กล่าว สำหรับนโยบายในการทำ M&A บริษัทคงพิจารณาจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องในเรื่องของพลังงาน เพื่อให้บริษัทมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันนอกจากดีลการซื้อกิจของ APC แล้ว บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจา M&A อีกมากกว่าหนึ่ง รายซึ่งจะเป็นธุรกิจด้านพลังงานทดแทน โดยคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปี 2558 อย่างแน่นอน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ