กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--NOTEABLE BANGKOK
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก้าวสู่การเป็นผู้นำสถานศึกษาด้านธุรกิจในระดับสากลอย่างเต็มตัว โดยเปิด “วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” สร้างเครือข่ายการศึกษากับมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกทั้งในแถบยุโรป อเมริกา และอาเซียน นับว่าเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จทางด้านการศึกษาของไทยที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
จุดเริ่มต้นของการสร้างวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน จากวิสัยทัศน์ของทีมผู้บริหารที่มองเห็นทิศทางการเติบโตด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จึงได้มีการจัดหลักสูตรเพื่อเสริมสร้างทักษะความรู้ด้านธุรกิจให้ครอบคลุมทั้งระดับปริญญาตรี จนถึงระดับปริญญาเอก
ดร.จักรกรินทร์ ศรีมูล คณบดีวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และผู้อำนวยการหลักสูตร Global MBA Mynmar (Yangon & Mandalay) ได้เล่าถึงแนวคิดของการเกิดวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยว่า “การก่อตั้งวิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย จุดมุ่งหมายก็เพื่อเป็นสถาบันที่สร้าง Global Citizen เพื่อให้เกิดเป็น Global Community ให้นักศึกษาไทยและต่างชาติมาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม โดยปลูกฝังทักษะความรู้แก่นักศึกษาให้มีคุณภาพ สามารถออกไปทำงานทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมั่นใจ และสร้างการยอมรับจากนานาชาติได้
เริ่มแรกเราทำเป็นลักษณะหลักสูตรนานาชาติ 2 หลักสูตร ในระดับปริญญาตรี มีนักศึกษาต่างชาติเพียงไม่กี่คน ปัจจุบัน “วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” มีทั้งนักศึกษาไทยและต่างชาติ จำนวนทั้งหมดเกือบ 1,000 คน เป็นนักศึกษาต่างชาติกว่าครึ่งหนึ่ง จาก 30 กว่าประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา, ญี่ปุ่น, อิตาลี, เกาหลีใต้, อังกฤษ, ฟินแลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, จีน, ชิลี, ภูฏาน, บราซิล, เมียนมาร์, รัสเซีย, สิงคโปร์, เม็กซิโก, ติมอร์ตะวันออก และไต้หวัน ฯลฯ อีกทั้งได้สร้างเครือข่ายทางการศึกษากับมหาวิทยาลัยต่างชาติไว้มากมาย อาทิ University of Sao Paulo (Brazil), Washington State University (U.S.A.), Concordia University (Canada), College de Paris (France) เป็นต้น
เรามีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาต่างประเทศทั้งแคนาดา, จีน, เมียนมาร์, อินโดนีเซีย, บราซิล, เม็กซิโก, สปป.ลาว, สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, อาร์เจนตินา และ อุรุกวัย โดยทางวิทยาลัยนานาชาติ จะมีทุนส่งนักศึกษาไทยไปเรียนแลกเปลี่ยนยังประเทศต่างๆ เหล่านี้ เพื่อเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ในชีวิต ดร.จักรกรินทร์ กล่าวเสริม
ในส่วนของการเข้าไปเปิดสอนเป็น Off-shore Campus เราได้ร่วมมือกับสภาหอการค้าเมียนมาร์ เปิดหลักสูตรปริญญาโทสำหรับนักธุรกิจ และผู้บริหาร ที่เมืองมัณฑะเลย์ และกรุงย่างกุ้ง โดยเปิดสอนวันเสาร์-อาทิตย์ มีจำนวนนักศึกษากว่า 300 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารระดับสูง นักธุรกิจ ทายาทธุรกิจ และนักแสดงที่มีชื่อเสียงของประเทศเมียนมาร์
ปัจจัยที่ทำให้ประสบความสำเร็จได้ก็เพราะได้รับแรงสนับสนุนอย่างดีจาก สภาหอการค้าไทย และอธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ซึ่งให้ความสำคัญผลักดันสนับสนุนวิทยาลัยนานาชาติเสมอมา ต่อมาคือ การมี Partner ที่ดีอย่างสภาหอการค้าเมียนมาร์ ที่สำคัญที่สุด คือ ศักยภาพของคณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญโดยตรง อีกทั้งมีวิทยากรรับเชิญจากภาคธุรกิจต่างๆ จากประเทศไทยเดินทางไปบรรยายพิเศษให้กับนักศึกษา นอกจากนี้ยังได้รับการสนับสนุนมอบทุนการศึกษาให้กับชาวเมียนร์มาร์ได้มาเรียนในหลักสูตรนานาชาติ และหลักสูตรMBA จากภาครัฐและเอกชนด้วย ดร.จักรกรินทร์ กล่าวสรุป
การเติบโตของ “นานาชาติ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย” ได้สร้างมิติใหม่ของการศึกษาไทยสู่ต่างประเทศอย่างภาคภูมิ ซึ่งในปี 2558 ได้มีการเตรียมความพร้อมที่จะขยายวิทยาลัยนานาชาติ เปิดเป็น Off-shore campus ไปยังประเทศเวียดนาม, อินโดนีเซีย, สปป. ลาว และกัมพูชา เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพให้มากขึ้น สำหรับรองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของนักศึกษาที่จะได้เรียนรู้เรื่องของวิชาการ พร้อมได้แชร์ประสบการณ์กับเพื่อนต่างชาติ ก่อนที่จะเข้าสู่การทำงานในระดับมืออาชีพให้มีประสิทธิภาพและเกิดความมั่นใจมากขึ้น
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย สนใจและให้ความสำคัญในการสร้างผู้นำรุ่นใหม่ สร้างผู้ประกอบการและบุคลากรที่มีคุณภาพให้กับประเทศไทยและอาเซียน กับคำขวัญของมหาวิทยาลัย “Leaders for the Future Future for the Leaders”