กรุงเทพฯ--20 ม.ค.--พม.
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เป็นประธานการประชุมศูนย์ปฏิบัติการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (ศปก.พม.) ครั้งที่ ๑๒/๒๕๕๘ เพื่อรับทราบปัญหาทางสังคมต่างๆที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน และร่วมหาแนวทางการแก้ไขและป้องกันปัญหาดังกล่าว โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานในกระทรวงฯ เข้าร่วมประชุม ณ ห้องประชุมชั้น ๘ อาคารใหม่กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ สะพานขาว กรุงเทพฯ
พลตำรวจเอกอดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กล่าวว่า จากกรณีของผู้ประสบปัญหาทางสังคมที่มีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆนั้น ในกรณีชายวัย ๗๗ ปี ป่วยเป็นมะเร็งที่ขา มีฐานะยากจน ต้องการได้รับการรักษาโดยด่วน ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี (พมจ.สุราษฎร์ธานี) ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงและเร่งให้การช่วยเหลือในเบื้องต้น พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลชายสูงอายุดังกล่าว ในกรณีเด็กกตัญญูสองพี่น้องอายุ ๑๑ ปี และ ๘ ปี ที่ดูแลยายวัย ๘๒ ปี ซึ่งป่วยชรา มองไม่ค่อยเห็น ครอบครัวมีฐานะยากจนที่จังหวัดนครพนม ตนได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดนครพนม (พมจ.นครพนม) ลงพื้นที่ตรวจสอบ และช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวในเบื้องต้น พร้อมทั้งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาช่วยเหลือเด็กทั้งสองให้ได้รับการศึกษาในระยะยาว รวมทั้งประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยเหลือด้านการรักษาพยาบาลให้ยายของเด็กทั้งสอง และพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ให้ครอบครัวดีขึ้นต่อไป
พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวเพิ่มเติม ที่อากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องทางภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือและมีการประกาศเป็นพื้นที่ภัยหนาวในหลายจังหวัดนั้น กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ มีความห่วงใยประชาชนผู้ประสบภัยหนาว ตนได้กำชับพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดลงพื้นที่สำรวจและเร่งให้การช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยโดยเฉพาะ เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส และคนพิการ นอกจากนี้ยังได้ติดตามกรณีการช่วยเหลือเด็กกำพร้า ๑๐ คน ที่พ่อแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถซาเล้งพลิกคว่ำ เมื่อวันที่ ๑๒ ม.ค.ที่จังหวัดปราจีนบุรีที่ผ่านมา มีเพียงยายวัย ๗๐ ปี เลี้ยงดูหลานทั้ง ๘ คนเพียงลำพัง อีกทั้งครอบครัวมีฐานะยากจน โดยล่าสุดพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดปราจีนบุรี(พมจ.ปราจีนบุรี) ได้ลงพื้นที่ดำเนินการช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ตนได้กำชับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องติดตามช่วยเหลือดูแลเด็กๆ อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้ความช่วยเหลือครอบครัวดังกล่าวในระยะยาวต่อไป
“สำหรับกรณีที่ศาลนัดพิพากษาคดีของ บีทีเอสและเครือข่ายคนพิการเพื่อการเข้าถึงบริการสาธารณะในวันที่ ๒๑ มกราคม ๒๕๕๘นั้น เนื่องจากสถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส จำนวน ๒๓ สถานีในปัจจุบัน ได้มีการจัดทำลิฟท์โดยสารเพียง ๕ สถานีเท่านั้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการเดินทางของคนพิการ ตนได้มอบหมายให้สำนักงานส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการแห่งชาติ(พก.) ประสานกับกลุ่มเครือข่ายคนพิการ และกรุงเทพมหานคร พบว่า กรุงเทพมหานครได้มีแผนเพื่อปรับปรุงและเตรียมการติดตั้งลิฟท์สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแล้ว ทั้งนี้ พก.จะได้ดำเนินการติดตามประสานหารือกับทั้ง ๒ หน่วยงานอย่างใกล้ชิดต่อไป เนื่องจากกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีแนวนโยบายสำคัญในการจัดสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อให้คนพิการเข้าถึงบริการสาธารณะได้อย่างเท่าเทียมกับคนทั่วไป” พลตำรวจเอกอดุลย์ กล่าวตอนท้าย