กรุงเทพฯ--21 ม.ค.--IR network
“เด็มโก้ เดอร์ลาว”บริษัทลูก บมจ.เด็มโก้ (DEMCO) เปิดฉากลุยในลาว! คว้างานสัมปทานระบบสาธารณูปโภคมูลค่ากว่า 1 พันล้านบาท เซ็นสัญญาในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้ คาดผลตอบแทนจากการลงทุน 13-14% ต่อปี บุ๊ครายได้เข้าบริษัทในปลายปี”58
นายพงษ์ศักดิ์ ศิริคุปต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เด็มโก้ จำกัด (มหาชน) (DEMCO) เปิดเผยว่า บริษัท เด็มโก้ เดอร์ ลาว จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ DEMCO อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญาสัมปทานเป็นผู้ดำเนินการระบบสาธารณูปโภคในลาวปลายเดือนมกราคมนี้ หรืออย่างช้าในต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยโครงการดังกล่าวมีมูลค่าลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ขณะนี้ได้รับอนุญาตให้สำรวจและเสนอราคาจากทางการลาวและอยู่ในขั้นตอนสุดท้ายของการพิจารณาแล้ว
สำหรับการลงทุนในระบบสาธารณูปโภคของลาวในครั้งนี้การลงทุนในเฟสแรกประมาณ 480 ล้านบาท และทยอยลงทุนเพิ่มทุก 3 ปี สัญญาสัมปทาน 30 ปี อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) อยู่ที่ 13-14% ต่อปี โดยจะเริ่มรับรู้รายได้ในช่วงปลายปีนี้
“ถือเป็นก้าวแรกในการลงทุนในลาว เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ส่วนการที่เราเลือกลาวเป็นประเทศแรก เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการผลิตไฟฟ้าได้ถึง 3 หมื่นเมกกะวัตต์ นั่นหมายความว่า สิ่งที่ลาวต้องดำเนินคือ สายส่งและสถานีไฟฟ้า ทำให้เรามองว่าลาวเป็นตลาดที่น่าสนใจ และเราเองก็มีความชำนาญในด้านวิศวกรรมไฟฟ้าอยู่แล้ว ทั้งนี้ บริษัท เด็มโก้ เดอร์ ลาว จำกัด มีสัดส่วนการถือหุ้นของ DEMCO อยู่ที่ 90% และพันธมิตรถือหุ้น 10% ปัจจุบันมีทุนจดทะเบียน 10 ล้านบาท และจะทยอยเพิ่มทุนในระหว่างปี 2558 ทั้งสิ้น 150 ล้านบาท “ นายพงษ์ศักดิ์กล่าว
“ ส่วนงานในสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา บริษัทได้เซ็นต์สัญญาก่อสร้างงานสถานีไฟฟ้าโครงการแรกมูลค่า 90 ล้านบาทเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะนี้ บริษัทกำลังเตรียมเข้าประมูลงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าแห่งใหม่มูลค่างานประมาณ 500 ล้านบาท โดยร่วมกับพันธมิตรกลุ่มผู้ผลิตอุปกรณ์ คาดว่าจะเป็นการเปิดตลาด เออีซี เป็นประเทศที่สอง
ปี 2558 จะเป็นปีที่ดีที่สุดปีหนึ่งของบริษัท ซึ่งนอกจากจะมาจากการเติบโตของงานก่อสร้างโครงการพลังงานทดแทนกลุ่มโซล่าฟาร์ม เติบโตจากการขยายตลาดโครงการสัมปทานสาธารณูปโภคและงานก่อสร้างสถานีไฟฟ้าในลาวและเมียนมาแล้ว บริษัทยังมุ่งที่จะเพิ่มการลงทุนโครงการพลังงานทดแทนจากเดิมที่เป็นผู้ถือหุ้นในโรงไฟฟ้าพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์รวม 40 เมกกะวัตต์ ในปีนี้บริษัทจะเพิ่มการลงทุนใน โรงไฟฟ้าขยะ 16 เมกกะวัตต์ โซล่าร์ฟาร์มในหน่วยงานราชการ 60 - 70 เมกกะวัตต์รวมถึง พิจารณาร่วมทุนกับผู้พัฒนาโครงการพลังงานลมในประเทศอีก 1-2 ราย ซึ่งจะทำให้โครงสร้างกำไรของบริษัทมาจากเงินปันผลปีละไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทในปี 2560 “ นายพงษ์ศักดิ์กล่าวในที่สุด