กรุงเทพฯ--22 ม.ค.--สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย ระดับสต็อกน้ำมันปาล์มลดต่ำ ที่ประชุม กนป. มีมติให้นำเข้าน้ำมันปาล์มปริมาณเท่าที่จำเป็น 50,000 ตัน และนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ มั่นใจ มีนาคมเป็นต้นไปผลผลิตปาล์มน้ำมันทยอยออกสู่ตลาดปริมาณมากกว่าล้านตันขึ้นไป พร้อมเตรียมวางมาตรการช่วยเกษตรกรลดผลกระทบนำเข้าและบริหารสต๊อกและราคาแล้ว
นายเลอศักดิ์ ริ้วตระกูลไพบูลย์ เลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในฐานะเลขานุการคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ (กนป.) กล่าวถึงผลการประชุม กนป. ครั้งที่ 1/2558 เมื่อวันที่ 19 มกราคมที่ผ่านมา โดยมีเรื่องสำคัญ 2 เรื่อง คือ การเปิดตลาดน้ำมันปาล์มและน้ำมันเนื้อในเมล็ดปาล์ม ตามข้อผูกพันของทุกกรอบการค้าระหว่างประเทศ และการนำเข้าน้ำมันปาล์ม 50,000 ตัน
สำหรับสินค้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเมล็ดในปาล์ม มีการผูกพันกรอบการค้าระหว่างประเทศ ได้แก่ กรอบองค์การการค้าโลก กรอบเขตการค้าเสรีอาเซียน (AFTA) และกรอบเขตการค้า FTA ซึ่งที่ประชุม กนป. มีมติเห็นชอบให้เปิดตลาดนำเข้าน้ำมันปาล์มและน้ำมันเมล็ดในปาล์ม ปี 2558 ตามข้อผูกพันของทุกกรอบการค้าระหว่างประเทศ และบริหารการนำเข้าโดยให้องค์การคลังสินค้า (อคส.) เป็นผู้นำเข้าและกระจายให้ผู้ผลิตภายในประเทศตามที่สมาคมโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเป็นผู้จัดสรร นอกจากนี้ ได้เห็นชอบการนำเข้าน้ำมันปาล์ม เนื่องจากขณะนี้ระดับสต็อกน้ำมันปาล์มลดต่ำลงมาก จะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคและภาคพลังงานทดแทน
ดังนั้น เพื่อรักษาสมดุลอุปสงค์ และอุปทานในระยะสั้น (ปริมาณความต้องการใช้ทั้งในประเทศและเพื่อการส่งออก ต่อปริมาณน้ำมันปาล์มที่มีทั้งประเทศ) จึงให้นำเข้าน้ำมันปาล์มปริมาณเท่าที่จำเป็น คือ 50,000 ตัน และนำเข้าให้แล้วเสร็จภายในกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2558 เพื่อผลิตน้ำมันปาล์มบรรจุขวด ขณะเดียวกันต้องลดการใช้เพื่อพลังงานทดแทนเป็นไม่น้อยกว่าร้อยละ 3.5 แต่ไม่เกินร้อยละ 7 เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำมันปาล์ม และให้กลับมาใช้ ไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 7 เมื่อพ้นวิกฤติขาดแคลนน้ำมันปาล์ม
เลขาธิการ กล่าวต่อไปว่า อิทธิพลของภัยแล้งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งสังเกตได้จากปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย ปี 2557 ต่ำกว่า ปี 2556 โดยปริมาณฝนที่ตกในภาคใต้ฝั่งตะวันออกลดลงร้อยละ 14 และภาคใต้ฝั่งตะวันตกลดลง ร้อยละ 9 ทำให้ผลผลิตต่อไร่ของปี 2557 และปี 2558 ลดลง ส่งผลต่อเนื่องให้อุปทานในช่วงไตรมาสแรกของปี 2558 มีไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้และระดับสต็อกเข้าใกล้จุดวิกฤติ แต่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรคาดว่า ตั้งแต่เดือนมีนาคม เป็นต้นไป ผลผลิตปาล์มน้ำมันจะทยอยออกสู่ตลาดมากขึ้นเกินกว่าล้านตัน และเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และคาดว่าระดับสต็อกจะมีปริมาณมากขึ้นจนถึง 260,000 - 350,000 ตัน ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายกระทรวงพาณิชย์ เตรียมมาตรการลดผลกระทบจากการนำเข้า ให้แก่เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมันได้รับราคาขายผลปาล์มน้ำมันไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5 บาท โดยให้โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม และโรงงานไบโอดีเซลรับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์มไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 30 บาทในช่วงเวลานำเข้าจนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ 2558 พร้อมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ มอบหมายคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มด้านการตลาด ติดตามและบริหารจัดการสต็อกและราคาผลปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มทุก 2 สัปดาห์ ในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ – มิถุนายน 2558 ซึ่งเป็นช่วงวิกฤตเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรและผู้บริโภค