กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--สำนักวิจัยเศรษฐกิจการเกษตร
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร เผย เตรียมแผนการผลิตและการตลาดหอมหัวใหญ่ในปี 58 อย่างดีรอบด้าน เน้นควบคุมนำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ตามข้อผูกพัน WTO เดินหน้าเร่งประสานกรมศุลการกรกำกับดูแลการนำเข้า โดยกระทรวงเกษตรฯ จะเร่งเจ้าหน้าที่ด่านกักกันพืชตรวจสอบสุขอนามัยพืชอย่างเคร่งครัด พร้อมชวนประชาชนร่วมกันบริโภคหอมหัวใหญ่ที่ผลิตได้ของไทยเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร
นายคนิต ลิขิตวิทยาวุฒิ รองเลขาธิการและรองโฆษกสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการจัดการการผลิตและการตลาดกระเทียม หอมแดง หอมหัวใหญ่และมันฝรั่ง ว่า คณะอนุกรรมการฯ ได้มีการวางแผนการผลิตและการตลาดหอมหัวใหญ่ในปี 2558 โดยได้มีการควบคุมการผลิตโดยให้นำเข้าเมล็ดพันธุ์หอมหัวใหญ่ตามข้อผูกพัน WTO จำนวน 3.15 ตัน หรือ 6,944 ปอนด์ และให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้นำเข้าและจัดสรรให้แก่สหกรณ์สมาชิก 8 แห่ง เพื่อจัดสรรให้เกษตรกรไปปลูก โดยคาดการณ์ว่าในปี 2558 จะมีปริมาณผลผลิตหอมหัวใหญ่ 44,900 ตัน แต่เนื่องจากปีนี้เกิดปัญหาภาวะภัยแล้งและฝนตกในช่วงการเพาะกล้าและเพาะปลูก ทำให้ผลผลิตหอมหัวใหญ่บางส่วนได้รับความเสียหาย โดยจากข้อมูลชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่สมาชิก 8 แห่ง พบว่า ปี 2558 ผลผลิตได้ 33,321 ตัน ทำให้ผลผลิตลดลงประมาณร้อยละ 25 ซึ่งจะออกตลาดตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2558 และจะมีช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2558 ในแหล่งผลิตใหญ่ที่จังหวัดเชียงใหม่ในอำเภอแม่วาง อำเภอสันป่าตอง และอำเภอฝาง
ด้านราคาหอมหัวใหญ่สด ณ 22 มกราคม 2558 ราคาที่เกษตรกรขายได้กิโลกรัมละ 8-9 บาท ซึ่งมีแนวโน้มลดลงจากต้นเดือนมกราคม 2558 ที่กิโลกรัมละ 15 บาท เนื่องจากขณะนี้มีหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศจำหน่ายอยู่ในตลาดจำนวนมาก ทั้งตลาดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดราชบุรี ตลาดไท และตลาดสี่มุมเมือง เป็นต้น โดยเป็นการนำเข้าและการลักลอบนำเข้าจากต่างประเทศ ทั้งประเทศจีนและประเทศฮอลแลนด์ ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีการชลอการสั่งซื้อหอมหัวใหญ่สดในประเทศ อย่างไรก็ตาม สศก. คาดว่าราคาที่เกษตรกรขายได้จะลดต่ำลงอีกในช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมากช่วงเดือนกุมภาพันธ์-มีนาคม 2558 (ประมาณ 20,000 ตัน) หากไม่มีการควบคุมและการปราบปรามการนำเข้าที่ผิดกฎหมาย
ทั้งนี้ การนำเข้าหอมหัวใหญ่นอกโควต้าจะต้องเสียภาษีร้อยละ 142 ของราคา CIF หากประเมินราคานำเข้าและเสียภาษีร้อยละ 142 จะทำให้ราคาหอมหัวใหญ่นำเข้าขายในท้องตลาดไม่ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 20 บาท ซึ่งขณะนี้ราคาหอมหัวใหญ่นำเข้าต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยการนำเข้าหอมหัวใหญ่ในโควต้า WTO จำนวน 365 ตัน ภาษีร้อยละ 27 ได้มอบให้ชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด เป็นผู้บริหารการนำเข้าและจัดสรรให้นิติบุคคลเป็นผู้นำเข้า ซึ่งจะเป็นการนำเข้าหอมผง/หั่นแห้ง ที่ใช้เป็นส่วนประกอบในอุตสาหกรรมอาหารที่ไม่กระทบต่อหอมหัวใหญ่สดที่เกษตรกรผลิตได้ในประเทศเพราะเป็นพันธุ์หอมต่างชนิดกันที่ประเทศไทยผลิตไม่ได้และใช้ในตลาดที่ต่างกัน โดยปัจจุบันอุตสาหกรรมอาหารได้มีการเจริญโตและมีความต้องการใช้หอมผง/หั่นแห้งมากขึ้น
ด้านตลาดหอมหัวใหญ่ พบว่า โดยปกติในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2558 ในจังหวัดเชียงใหม่จะมีการส่งออกไปตลาดญี่ปุ่นที่มีความต้องการบริโภคหอมหัวใหญ่สดของประเทศไทยประมาณปีละ 6,000-8,000 ตัน ซึ่งขณะนี้ก็มีการส่งออกไปบางส่วน แต่เนื่องจากประเทศญี่ปุ่นในปีนี้ได้มีผลผลิตออกมาจำนวนมากในช่วงนี้ ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นและค่าเงินบาทของไทยเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ราคาส่งออกหอมหัวใหญ่ของไทยมีราคาแพงขึ้น จึงคาดว่าจะมีการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากไทยน้อยกว่าปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ในวันนี้ (22 มกราคม 2558) คณะกรรมการชุมนุมสหกรณ์ผู้ปลูกหอมหัวใหญ่แห่งประเทศไทย จำกัด ได้เดินทางมายังสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร พร้อมกับได้ทำหนังสือถึงอธิบดีกรมศุลกากร เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้มีมาตรการเข้มงวดการลักลอบการนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศ และมีการประเมินราคานำเข้าเพื่อเสียภาษีนำเข้าหอมหัวใหญ่จากต่างประเทศให้มีความถูกต้องมากยิ่งขึ้น ซึ่งจากการตรวจสอบสถิติการออกหนังสือรับรองฯ ของกรมการค้าต่างประเทศ กรณีนอกโควต้า WTO สำหรับการนำเข้าหอมหัวใหญ่ (สด/แช่เย็น) ปี 2557 พบว่า มีผู้ประกอบการขอหนังสือรับรองฯ 71 ราย จำนวน 93,069 ตัน ซึ่งเป็นจำนวนค่อนข้างสูงมาก และที่สำคัญบริษัทดังกล่าวไม่เคยค้าหอมหัวใหญ่ในประเทศเลย แต่กลับนำเข้าหอมหัวใหญ่เพื่อค้า ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกหอมหัวใหญ่ในประเทศไทย อีกทั้งในปี 2558 ยังไม่มีการขอหนังสือรับรองฯ ของกรมการค้าต่างประเทศอีกด้วย
รองเลขาธิการฯ กล่าวต่อไปว่า ในเรื่องดังกล่าว กระทรวงเกษตรและสหกรณ์และกระทรวงพาณิชย์ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ร่วมกันในการวางแผนการผลิตและการตลาดหอมหัวใหญ่ในทุกปี ซึ่งได้มีการกระจายการผลิตไปยังพื้นที่ของสหกรณ์ที่มีการควบคุมและวางแผนการผลิตกันอย่างดี อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะมีการวางแผนอย่างดี แต่หากไม่มีการควบคุมการนำเข้าหอมหัวใหญ่สดในช่วงเวลาที่เหมาะสม การประเมินราคาและการเสียภาษีการนำเข้าที่ถูกต้องรวมทั้งไม่สามารถปราบปรามการลักลอบการนำเข้าได้แล้ว ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาที่เกษตรกรผลิตได้ในประเทศ
ทั้งนี้ หอมหัวใหญ่ที่ผลิตได้ในช่วงเวลานี้ของประเทศไทย ถือว่ามีคุณภาพด้านดีทั้งความสดและรสชาติกว่าหอมหัวใหญ่ของต่างประเทศ ซึ่งจะเป็นหอมหัวใหญ่ที่คัดตกเกรดจากต่างประเทศและการใช้เวลาขนส่งเข้ามาอีก ทำให้คุณภาพความสดและรสชาติไม่ดี ซึ่ง สศก. จะได้เร่งประสานไปยังกรมศุลการกรช่วยกำกับดูแลในเรื่องการนำเข้า และในส่วนของกระทรวงเกษตรฯ จะได้ประสานกับกรมวิชาการเกษตรเพื่อกำชับเจ้าหน้าที่ด่านกักกันพืชการนำเข้าให้ตรวจสอบสุขอนามัยพืชอย่างเคร่งครัด และอยากขอชวนเชิญให้ประชาชนร่วมกันบริโภคหอมหัวใหญ่ที่ผลิตได้ของไทยที่ผลิตได้ในขณะนี้ ซึ่งจะเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรและยังได้บริโภคของที่มีคุณภาพด้วย รวมทั้งขอความร่วมมือจากผู้ประกอบนำเข้าหอมหัวใหญ่นอกโควต้าที่มีความประสงค์จะค้าหอมหัวใหญ่ ซื้อหอมหัวใหญ่ภายในประเทศจากสหกรณ์/ผู้ประกอบการค้าหอมหัวใหญ่/เกษตรกรด้วย รองเลขาธิการ กล่าวในที่สุด