กรุงเทพฯ--23 ม.ค.--อาซิแอม เบอร์สัน-มาร์สเตลเลอร์
บริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮาด (เอฟแอนด์เอ็น) และบริษัทในเครือ แถลงลงนามต่อสัญญาลิขสิทธิ์แบรนด์ของเนสท์เล่ซึ่งเอฟแอนด์เอ็นได้ลิขสิทธิ์มาตั้งแต่ปี 2550 โดยเอฟแอนด์เอ็นจะเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ “คาร์เนชั่น” “ตราหมี” “ตราหมีโกลด์” “ไอดีลมิลค์” และ “มิลค์เมด” ในประเทศสิงคโปร์ ไทย มาเลเซีย บรูไน และลาว จนถึงปี 2580
ทั้งนี้ มีการลงนามการซื้อลิขสิทธิ์แบรนด์กับเนสท์เล่ครั้งแรกเมื่อปี 2550 ด้วยมูลค่า 310 ล้านริงกิต โดยบริษัทฯ ได้เข้าซื้อกิจการการผลิตและการจัดจำหน่ายภายใต้ลิขสิทธิ์ของผลิตภัณฑ์ครีมเทียมข้นหวานและข้นจืด นมสเตอริไลส์กระป๋อง นมยูเอชที ผลิตภัณฑ์นมพาสเจอไรส์ และเครื่องดื่มน้ำผลไม้ รวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์การผลิตของเนสท์เล่ในประเทศไทย และแบรนด์ทีพอต
ภายใต้สัญญาครั้งใหม่ บริษัทฯ จะยังคงเป็นผู้ผลิต จัดจำหน่าย บริหารการตลาดและการขาย ผลิตภัณฑ์คาร์เนชั่นในประเทศไทย ลาว และกัมพูชา ตลอดจน ครีมเทียมข้นหวานและข้นจืดคาร์เนชั่น นมข้นหวานไอดีล นมข้นหวานมิลค์เมด และครีมเทียมชนิดหวานสำหรับเครื่องดื่มในประเทศมาเลเซีย บรูไน และสิงคโปร์
นอกจากนี้ เอฟแอนด์เอ็นจะยังเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย นมสดสเตอริไลส์ตราหมี และ นมตราหมีโกลด์ ในประเทศไทยและลาว
ขณะที่แบรนด์ เครื่องดื่ม ไมโล ยูเอชที และ นมตราหมี ยูเอชที ในประเทศไทยและภูมิภาคอินโดจีน จะกลับคืนสู่การบริหารจัดการของเนสท์เล่สอดคล้องตามการปรับแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ เพื่อเสริมสร้างกลยุทธ์ระดับภูมิภาคในกลุ่มผลิตภัณฑ์ดังกล่าวให้แข็งแกร่ง
มร.ลิม ยิว โฮ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮาด กล่าวว่า ข้อตกลงในการซื้อลิขสิทธิ์และขยายสัญญาครั้งใหม่นี้ นับเป็นการเสริมทัพครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางธุรกิจของกลุ่มเอฟแอนด์เอ็นในภูมิภาคอาเซียน
“การที่บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงในการขยายถือครองลิขสิทธิ์แบรนด์ก่อนสิ้นสุดสัญญาในปี 2560 นับเป็นบทพิสูจน์ถึงความเชื่อมั่นของเนสท์เล่ที่มีต่อศักยภาพในการดำเนินธุรกิจของเอฟแอนด์เอ็น ทั้งนี้ กรอบเวลาระยะที่ยาวขึ้นส่งผลให้บริษัทฯ สามารถมีความหยืดหยุ่นในการวางแผนและลงทุนมากขึ้น เพื่อสร้างโอกาสในการเติบโตให้กับแบรนด์คาร์เนชั่น ตราหมี และในกลุ่มผลิตภัณฑ์นมกระป๋องทั้งพอร์ต”
"นับตั้งแต่ที่บริษัทฯ ได้ซื้อลิขสิทธิ์กับเนสท์เล่เมื่อปี 2550 เราประสบความสำเร็จในการผลักดันแบรนด์คาร์เนชั่นให้เป็นผู้นำตลาดในทุกประเทศ โดยเราได้มีการลงทุน 600 ล้านริงกิต เพื่อก่อตั้งโรงงานในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ ในประเทศไทย และในปูเลา อินดาห์ ประเทศมาเลเซีย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์ของเนสท์เล่”
มร.ลิม กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2558 บริษัทฯ มีแผนลงทุนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท เพื่อขยายสายการผลิตและบรรจุภัณฑ์นมข้นจืดคาร์เนชั่น ที่โรงงานผลิตในนิคมอุตสาหกรรมโรจนะ เพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะนี้ โรงงานดำเนินการเกือบเต็มกำลังการผลิตแล้ว
คาร์เนชั่น เป็นแบรนด์นมข้นหวานและข้นจืดอันดับหนึ่งในตลาดนมระดับพรีเมียมในประเทศไทย ซึ่งมีส่วนแบ่งทางการตลาดถึง 2 ใน 3 ของตลาดนมข้นหวานและข้นจืดโดยรวม และมียอดขายเติบโตกว่า 20% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดนมข้นหวานและข้นจืดโดยรวมในประเทศเติบโตลดลง นอกจากนี้ แบรนด์คาร์เนชั่น ในประเทศมาเลเซีย และสิงคโปร์ ยังมียอดขายเติบโตสูงถึงสองหลักในปีที่ผ่านมา
สัญญาในครั้งนี้ ได้รับการลงนามร่วมกัน โดยมร.ลิม ประธานกรรมการบริหาร ผู้แทนของ บริษัท เฟรเซอร์ แอนด์ นีฟ โฮลดิ้งส์ เบอร์ฮาด และ มร. เวน อิงแลนด์ ประธานกรรมการ และประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เนสท์เล่ ภูมิภาคอินโดไชน่า ในฐานะผู้แทนเนสท์เล่
มร.ลิมกล่าวต่อไปว่า สัญญาดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทฯ ในปีงบประมาณ 2557/2558
"การบรรลุข้อตกลงระยะยาวในครั้งนี้จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้เอฟแอนด์เอ็นในการทำตลาดผลิตภัณฑ์ที่เป็นกลุ่มหลักได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งเอฟแอนด์เอ็นมีกลุ่มผลิตภัณฑ์นมกระป๋องที่ครอบคลุมมากที่สุดในภูมิภาคอาเซียน โดยเราเชื่อมั่นว่า จะใช้ศักยภาพและความเชี่ยวชาญในตลาด เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง”